5 สถานการณ์ควรรู้ เมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย
ด้วยอัตราการเกิดที่ลดลง และคนมีอายุยืนขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยก้าวสู่สังคมสูงวัยเป็นที่เรียบร้อย จากข้อมูลสถิติที่เกี่ยวข้อง เรามาดูกันว่ามีเรื่องใดบ้างที่ควรรู้ไว้ เพื่อเตรียมรับมือกับสังคมสูงวัย
1) วัยแรงงานรับภาระดูแลผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น เมื่อผู้สูงอายุมีจำนวนมากขึ้น แต่จำนวนคนเกิดใหม่ลดลง ทำให้สัดส่วนวัยแรงงานต่อผู้สูงอายุมีจำนวนลดลง จากเดิมวัยแรงงาน 7 คนต่อผู้สูงอายุ 1 คน ลดลงเหลือ 4.4 คน ต่อผู้สูงอายุ 1 คน และเหลือเพียง 2.8 คนต่อผู้สูงอายุ 1 ในปี 2573 หมายความว่า วัยแรงงานต้องรับภาระในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
2) ผู้สูงอายุอยู่เพียงลำพังมากขึ้น จำนวนผู้สูงอายุที่อยู่ลำพังคนเดียว และอยู่ลำพังกับคู่สมรสมีจำนวนเพิ่มขึ้น ปี 2545 มีผู้สูงอายุ 2 กลุ่มนี้จำนวนร้อยละ 22 ของผู้สูงอายุทั้งหมด และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 24 ,27 และ 28 ในปี 2550 2554 และ 2557 ตามลำดับ
3) ผู้สูงอายุพึ่งพิงรายได้จากลูกหลานลดลง ปี 2550 มีผู้สูงอายุกว่าครึ่ง(ร้อยละ 52 ของผู้สูงอายุทั้งหมด) มีรายได้หลักจากเงินที่ลูกให้ แต่สัดส่วนดังกล่าวเริ่มลดลงเหลือร้อยละ 37 ในปี 2557 ขณะที่ผู้สูงอายุที่มีรายได้หลักจากการทำงานกลับมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 29 เป็นร้อยละ 34 ในปี 2557
4) แรงงานในระบบมีแนวโน้มลดลง เมื่อนำจำนวนประชากรที่มีอายุ 20–24 ปี ซึ่งเป็นวัยที่เพิ่งจบการศึกษาระดับปริญญาตรี และกำลังจะกลายเป็นแรงงานหน้าใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงาน มาเทียบกับจำนวนประชากรที่มีอายุ 60–64 ปี ซึ่งเข้าสู่ช่วงเกษียณอายุ และกำลังออกจากตลาดแรงงาน เรียกง่ายๆ ว่า นำจำนวนคนที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานมาเทียบกับคนที่กำลังจะออกจากระบบ ว่าสามารถเข้ามาทดแทนได้เพียงพอหรือไม่ จะเห็นได้ว่าตัวเลขของแรงงานหน้าใหม่ที่เข้ามาในระบบกลับลดลง ขณะที่แรงงานหน้าเก่าที่จะออกจากระบบมีจำนวนสูงขึ้น
5) รัฐมีรายจ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น เมื่อคนมีอายุมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ซึ่งรัฐได้ดำเนินนโยบายระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ บัตรทอง มาตั้งแต่ปี 2545 เพื่อเป็นสวัสดิการให้กับประชาชน สิ่งที่ตามมาคือรัฐย่อมมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้น จากเดิม ปี 2537 รายจ่ายสุขภาพคนไทยเฉลี่ยต่อหัวอยู่ที่ 2,160 บาท/คน เพิ่มขึ้นเป็น 3,211 บาท/คน และ 4,032 บาท/คน ในปี 2545 และ 2548 ตามลำดับ และปี 2556 มีรายจ่ายสุขภาพอยู่ที่ 7,354 บาท/คน ซึ่งค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เกิดขึ้น จากเดิมในปี 2537 ก่อนที่จะมีระบบประกันสุขภาพ สัดส่วนที่รัฐจ่ายคิดเป็นร้อยละ 45 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพทั้งหมด และภายหลังจากที่มีระบบประกันสุขภาพ ปี 2545 สัดส่วนที่รัฐจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 63 และในปี 2556 สัดส่วนค่าใช้จ่ายสุขภาพที่รัฐจ่ายอยู่ที่ร้อยละ 77 ของค่าใช้จ่ายสุขภาพทั้งหมด
นอกจากรัฐมีค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นแล้ว งบประมาณด้านสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุย่อมเพิ่มสูงขึ้น เมื่อจำนวนประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น โดยในปี 2558 รัฐจ่ายเบื้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุจำนวน 7.8 ล้านคน คิดเป็นเงิน 61,577 ล้านบาท(ที่มา: รายงานสถานการณ์ผู้สูงอายุไทย ปี 2558)
http://www.thaihealth.or.th/Content/45934-5%20สถานการณ์ควรรู้%20เมื่อเข้าสู่สังคมสูงวัย.html