ช่วงนี้แดดแรงจริง ๆ ค่ะ อากาศร้อนมาก ๆ ฉลาดซื้อขอเอาใจสาว ๆ และคงต้องรวมหนุ่ม ๆ ด้วยเพราะสมัยนี้ หนุ่ม ๆ เขาก็หันมาใส่ใจการดูแลผิวไม่แพ้สาว ๆ กันเลยทีเดียว
ความรู้ที่เก็บมาฝากก็มาจาก คอลัมน์ “สวยอย่างฉลาด” ในนิตยสารฉลาดซื้อ เขียนโดย รศ.ดร.พิมลพรรณ พิทยานุกุล คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ฝ้าและผลิตภัณฑ์ขจัดฝ้า
สาเหตุหลักของการเกิดฝ้านั้นเกิดจากผิวหนังมีการสะสมเม็ดสีหรือที่เรียกว่า “เมลานินพิกเม้นท์” (Melanin pigment) มากเกินไป และกระจายไม่สม่ำเสมอทั่วผิวหน้า
เซลล์สร้างเม็ดสีคือ เมลาโนไซท์ (Melanocytes) เป็นเซลล์ชนิดหนึ่งของหนังกำพร้า มีหน้าที่สร้างเม็ดสีให้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังคนเรามีสีผิว ถ้าเซลล์เหล่านี้เกิดผิดปกติโดยเกิดการสร้างเม็ดสีมากเกินไปหรือน้อยเกินไปในบางตำแหน่งของผิวหนัง ก็อาจทำให้ผิวหนังเป็นรอยด่างดำส่วนใหญ่จะเกิดบริเวณผิวหน้า
ความผิดปกติในการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีนั้น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น หญิงที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิด หญิงในวัยหมดประจำเดือน และผู้ที่ใช้เครื่องสำอางผสมฮอร์โมนเพศ
นอกจากนี้ยังพบว่าปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งภายนอกร่างกายคือ แสงแดดจากดวงอาทิตย์ จะทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีมากขึ้น ดังนั้นการเกิดฝ้าจึงมักเกิดขึ้นกับคนเอเชียซึ่งมีแสงแดดมากตลอดทั้งปี
หลักการยับยั้งการสร้างเม็ดสีนั้นทำได้โดยการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ที่มีชื่อว่า ไทโรซิเนส (Tyrosinase enzyme) ดังนั้นผลิตภัณฑ์ขจัดฝ้าทุกชนิดจึงประกอบไปด้วยตัวยาสำคัญที่มีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของไทโรซิเนส ทำให้เม็ดสีไม่ถูกสร้างขึ้น
ตัวยาที่ได้ผลมากคือ ไฮโดรควิโนน ความเข้มข้นระหว่าง 2.0 % ถึง 4.0% ในรูปแบบของครีมหรือขี้ผึ้ง ซึ่งจัดอยู่ในประเภทของ ยา ไม่ใช่ เครื่องสำอาง
ข้อเสียของไฮโดรควิโนนคือ เมื่อทายาเป็นประจำ ฝ้าจะค่อย ๆ จางหายไปจนเกิดรอยด่างขาว และเมื่อหยุดใช้ยาฝ้าหรือรอยด่างดำจะกลับมาใหม่อีก เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ
ที่สำคัญคือ ผู้ที่ได้รับยาไฮโดรควิโนน หากผิวหน้าได้รับแสงแดดจะเกิดอาการแพ้แดด ระคายเคือง แดง บวม และ อักเสบได้ง่ายจึงไม่ควรใช้ หรือควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์เคมีได้ค้นพบสารเคมีใหม่ ๆ ที่มีลักษณะกลไกการทำงานคล้ายไฮโครควิโนนมากมายแต่ปลอดภัยกว่า เช่น สารสกัดจากพืชสมุนไพร bearberry extracts ซึ่งมีสาร สำคัญคือ อาร์บูติน (arbutine)
สารดังกล่าวเมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนัง จะมีการสลายตัวกลายเป็นไฮโดรควิโนนทำให้มีประสิทธิภาพยับยั้งการสร้างเม็ดสีได้เช่นกัน จะพบได้ในเครื่องสำอางหลายชนิดที่มีสารสกัดชนิดนี้เป็นองค์ประกอบ แต่ใช้ได้ปลอดภัยกว่าไฮโดรควิโนนเนื่องจากเป็นสารสกัดจากธรรมชาติซึ่งมีความเข้มข้นต่ำ
อย่างไรก็ตามมีนักวิจัยหลาย ๆ ท่านที่แสดงความเป็นห่วงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นคล้ายไฮโดรควิโนน ผู้ที่ใช้เครื่องสำอางดังกล่าวจึงควรใช้ควบคู่กับครีมกันแดด
สารสำคัญที่ถูกค้นพบและใช้ในเครื่องสำอางอีกหลาย ๆ ชนิดที่มีกลไกการทำงานคือยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสไม่ให้สร้างเม็ดสีที่พบบนฉลากเครื่องสำอาง เช่น โคจิก แอซิค (Kojicacid) สารสกัดจากใบหม่อน (mulberry extract) และล่าสุดมีการนำสารเทนนินที่พบในพืชทั่ว ๆ ไป เช่น จากใบชา มาผสมในเครื่องสำอางเพื่อช่วยให้หน้าขาว กลไกหลักก็คือเทนนินจากพืชสามารถยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนสได้เช่นกัน
ประสิทธิภาพและประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ จะขึ้นอยู่กับการที่สารสำคัญที่อยู่ในเนื้อครีมสามารถแทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้นลึกลงไปได้หรือไม่ หากไม่ได้หรือได้แต่น้อยมาก ประสิทธิผลก็จะไม่เกิด เพราะฝ้า หรือ “ กลุ่มของเม็ดสี” นั้นอยู่ในผิวหนังขั้นที่ลึกลงไป
เราจึงพบโดยทั่วไปว่าผลิตภัณฑ์ขจัดฝ้าไม่ได้ผลแต่หากเป็นยาแรง ๆ เช่นไฮโครดวิโนน หรือยาควบคุมพิเศษอื่นก็เกิดอันตรายและก็ไม่หายขาดอยู่ดี
ดังนั้นวิธีการดีที่สุดคือป้องกันผิวหน้าไม่ให้ได้รับแสงแดดจัดโดยตรงและใช้ครีมกันแดด
เมื่ออ่านถึงตรงนี้ผู้บริโภคหลายๆ ท่านอาจคิดได้ว่าจำเป็นหรือไม่ในการใช้ผลิตภัณฑ์ขจัดฝ้า หรือผลิตภัณฑ์ช่วยให้หน้าขาวขึ้น เพราะไม่ใช่เครื่องสำอางธรรมดา ๆ แต่มีอันตรายแฝงอยู่ได้ในหลายผลิตภัณฑ์ทีเดียว