ปัจจุบันพฤติกรรมการรับประทานอาหารของคนไทยไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ มักจะไม่ได้คำนึงถึงสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับมากนัก ส่วนใหญ่เป็นการกินตามปาก อยากอะไรก็กิน ทั้งที่มีประโยชน์และไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
ด้วยเหตุนี้ น.พ.สมยศ เจริญศักดิ์ อธิบดีกรมอนามัย ย้ำว่า ในการรับประทานอาหารนั้นคนไทยควรยึดหลัก 9 ข้อ ดังนี้
1.กินอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ เนื้อ นม ไข่ ผัก ผลไม้ กินให้ครบ และต้องมีความหลากหลายในแต่ละหมู่ และควรชั่งน้ำหนักทุกวันเพื่อเช็กดูว่าน้ำหนักของเราอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานหรือไม่
2.กินข้าวเป็นหลัก แล้วกินสลับสับเปลี่ยนกับอาหารประเภทแป้งอื่น ๆ ได้เป็นบางมื้อ เช่น ข้าวเหนียว ขนมปัง ขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยว เผือก มัน ข้าวโพด
3.กินผักและผลไม้ ให้กินผัก มาก ๆ และกินผลไม้เป็นประจำ โดยเลือกประเภทที่ไม่หวานมาก เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอ แตงโม ชมพู่ แก้วมังกร
4.กินปลา เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง โดยเฉพาะปลาเป็นโปรตีนคุณภาพเยี่ยมที่ย่อยง่าย ส่วนเนื้อสัตว์ควรกินประเภทไม่ติดมัน
5.ดื่มนม ให้เหมาะสมตามวัย ถ้าเป็นเด็กวันละ 2-3 แก้ว ส่วนผู้ใหญ่ให้เลือกดื่มนมพร่องมันเนยวันละ 1-2 แก้ว
6.เลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง ประเภทผัด ๆ ทอด ๆ ใส่กะทิ เนย ครีม ควรเน้น ต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง ซึ่งการย่างก็เอาพอให้สุก เพราะถ้าไหม้ไปมะเร็งจะถามหา
7. หวานจัด เค็มจัด อันตราย ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทเหล่านี้เพราะเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ มากมาย
8. กินอาหารที่สะอาด ปราศจาก การปนเปื้อน
9.งด หรือลดเครื่องดื่มแอล กอฮอล์
สำหรับการกินเท่าไหร่ให้พอดีใน 1 วันนั้น น.พ.สมยศ บอกว่า เด็กอายุ 6-13 ปี ควรได้รับสารอาหาร 1,600 กิโลแคลอรีต่อวัน ประกอบด้วย ข้าว-แป้ง 8 ทัพพี ผัก 4 ทัพพี ผลไม้ 3 ส่วน นม 2 แก้ว เนื้อสัตว์ 6 ช้อนกินข้าว
คุณผู้หญิงอายุ 25-60 ปี / คุณ
หนุ่มสาววัยรุ่น 14-25 ปี ชายวัยทำงานอายุ 25-60 ปี ควรได้รับสารอาหาร 2,000 กิโลแคลอรีต่อวัน ประกอบด้วย ข้าว-แป้ง 10 ทัพพี ผัก 5 ทัพพี ผลไม้ 4 ส่วน นม 1 แก้ว เนื้อสัตว์ 9 ช้อนกินข้าว
เกษตรกร ผู้ใช้แรงงาน นักกีฬา ควรได้รับสารอาหารวันละ 2,400 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย ข้าว-แป้ง 12 ทัพพี ผัก 6 ทัพพี ผลไม้ 5 ส่วน นม 1 แก้ว เนื้อสัตว์ 12 ช้อนกินข้าว.
ที่มา : http://www.yenta4.com