สภาผู้บริโภค ติดอาวุธองค์กรสมาชิก จัดอบรมการเฝ้าระวังภัยสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก แนะวิธีรายงานเพจมิจฉาชีพให้ได้ผล
-----
16 สิงหาคม 2566 สภาผู้บริโภคจัดโครงการ “อบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อการเฝ้าระวังภัยสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย” เพื่อติดอาวุธให้องค์กรสมาชิกในเรื่องเกี่ยวกับมาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊กและแนวทางการจัดการเพจมิจฉาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีเวิร์กช็อปแนะนำวิธีการรายงานเพจและโพสต์ที่ละเมิดมาตรฐานชุมชน ให้ผู้เข้าร่วมอบรมได้ทดลองปฏิบัติ
.
นอกจากนี้ ยังมีเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางทำงานร่วมกันระหว่างสภาผู้บริโภค สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือเอ็ตด้า (ETDA) และตัวแทนจากเฟซบุ๊ก (Facebook) ประเทศไทยจากเมต้า (Meta) โดยมีการแลกเปลี่ยนเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาซื้อขายออนไลน์ รวมถึงการรายงานเพจที่ฉ้อโกง หรือเอาเปรียบผู้บริโภค
.
ประภารัตน์ ไชยยศ หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ เอ็ตด้า ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้านี้เอ็ตด้ามีบทบาทและภารกิจในการรับร้องเรียนปัญหาธุรกรรมทางออนไลน์ โดยทำงานร่วมกับทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม เช่น สภาผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) จากการรับเรื่องร้องเรียนเป็นระยะเวลาหนึ่งทำให้สังเกตเห็นว่า แม้จะมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ปัญหาน้อยลง แต่กลับพบว่ามีจำนวนเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
.
“ถึงแม้หน่วยงานสามารถจัดการเพจของมิจฉาชีพได้ แต่อีกไม่นานมิจฉาชีพกลุ่มเดิมหรือคนเดิมก็จะเปิดเพจขึ้นมาใหม่อีกเป็น 10 เพจ มิจฉาชีพไม่เคยหยุดทำงาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ก็พยายามติดตามจัดการปัญหา ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด จึงตัดสินใจว่าต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ไปทำนโยบายเชิงรุกควบคู่กันด้วย โดยการสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชน” หัวหน้าศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ระบุ
.
ทางด้าน อิง ศิริกุลบดี ผู้จัดการฝ่ายนโยบายสาธารณะของเฟซบุ๊กประเทศไทย จากเมต้า ระบุว่า การหลอกลวงบนโลกออนไลน์ (สแกม) นับเป็นปัญหาที่มีความท้าทายเป็นอย่างสูง และเป็นปัญหาร่วมของโลกออนไลน์ในยุคปัจจุบัน โดยมิจฉาชีพจะเปลี่ยนกลลวงไปเรื่อย ๆ อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊กยังคงพัฒนาเทคโนโลยีและมาตรการป้องกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เท่าทันพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาบนโลกออนไลน์
.
ทั้งนี้ เฟซบุ๊กมีปุ่มรายงานเพจ (รีพอร์ต) ทำให้ผู้ใช้สามารถรายงานเมื่อเจอเนื้อหาที่มีปัญหา หรือขัดต่อมาตรฐานชุมชนได้ ทั้งนี้ มาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊กเป็นกฎระเบียบที่กำหนดรายละเอียดสิ่งที่อนุญาตและไม่อนุญาตให้โพสต์บนแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก รวมถึงผลิตภัณฑ์ของเมต้าทั่วโลก ทั้งนี้ มาตรฐานชุมชนของเฟซบุ๊กนั้นได้มาจากการทำงานร่วมกับและผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยงานเพื่อร่วมตั้งกฎ ดังนั้นเมื่อเจอเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย เจตนามุ่งร้าย ก็จะมีการดำเนินการตามมาตรฐานชุมชนโดยเร็วที่สุด
.
นอกจากนี้ เฟซบุ๊กยังมีช่องทางเฉพาะสำหรับทำงานร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะ เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, เอ็ตด้า, อย. , กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโลยี (บก.ปอท.) อีกทั้งยังมีช่องทางเฉพาะสำหรับทำงานร่วมกับภาครัฐและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะ
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/3P1QR9K)
https://www.facebook.com/tccthailand/