http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

รู้จักโรคท้องเสียโนโรไวรัส โรคที่กำลังระบาด

รู้จักโรคท้องเสียโนโรไวรัส โรคที่กำลังระบาด

นอกจากเรื่องโควิดที่ทำให้ทุกคนหวาดกลัว และระแวงว่าตัวเองจะติดเชื้อหรือไม่ ในตอนนี้มีข่าวเพิ่มเติมมาอีก 1 โรค ที่ทำให้พวกเราต้องมากังวลอีกครั้งหนึ่ง นั่นก็คือโรคท้องเสียโนโรไวรัส

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ให้ข้อมูลว่า ประชาชนควรเฝ้าระวัง “โรคท้องเสีย โนโรไวรัส” ที่กำลังระบาดอย่างมากในภาคตะวันออกในตอนนี้ ควรสังเกตและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นโรคที่สามารถติดต่อได้เป็นวงกว้าง หรือคนรอบข้างได้

โรคท้องเสีย หรือเรียกกันว่าโรคโนโรไวรัส มีชื่อเดิมว่า นอร์วอล์ค เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ไวรัสชนิดนี้ระบาดได้ง่ายและรวดเร็วแม้ร่างกายได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย ที่สำคัญทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี  การติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จะเกิดขึ้นจากการรับประทานอาหาร น้ำดื่มที่มีเชื้อนี้ปนเปื้อน หรือผ่านการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีการปนเปื้อน เช่น จาน ชาม ช้อน ไวรัสตัวนี้จะใช้ระยะเวลาในการฟักตัวสั้นประมาณ 12 – 48 ชั่วโมง และในการแพร่กระจายเชื้อ

ไวรัสนี้พบระบาดได้มากในฤดูหนาว ติดต่อได้ง่ายในสภาพอากาศเย็น และทำให้เกิดโรคทั้งในเด็กและผู้ใหญ่

อาการที่พบบ่อยหากได้รับเชื้อโนโรไวรัสภายใน 24 – 48 ชั่วโมง ได้แก่

- ถ่ายเหลวเป็นน้ำ

- ปวดท้อง

- คลื่นไส้

- อาเจียน

- ปวดศีรษะ

- มีไข้ บางรายอาจจะมีไข้อยู่ 1 ถึง 3 วัน

- ปวดเมื่อยตามร่างกาย

- อ่อนเพลีย

การติดต่อของโรคเชื้อโนโรไวรัส

- รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อโนโรไวรัส พบบ่อยในน้ำดื่ม น้ำแข็ง ผักผลไม้สด หอยนางรม เป็นต้น

- เด็กจับหรือสัมผัสกับสิ่งของที่มีเชื้อโนโรไวรัสแล้วเอานิ้วเข้าปาก

การรักษา

เมื่อร่างกายติดเชื้อโนโรไวรัสจะมีอาการอาเจียน ไข้ไม่สูงมาก ปวดท้อง ท้องเสีย แต่สามารถหายได้เอง แนะนำให้ผู้ปกครอง หรือครู อาจารย์รีบพาเด็ก ๆ มาพบแพทย์ เนื่องจากบางรายมีอาการขาดน้ำต้องให้น้ำเกลือ หรือนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการอย่างน้อย 2 – 3 วันสัมผัสกับผู้ป่วยโดยตรง

นอกจากการรักษาจากทางแพทย์แล้วเราควรที่จะเรียนรู้ถึงวิธีป้องกัน ดูแลใส่ใจเรื่องความสะอาด เพราะเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัส

- ก่อนรับประทานหรือหยิบจับอาหารและหลังเข้าห้องน้ำต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง

- การล้างมือให้สะอาดต้องล้างด้วยน้ำสบู่ โดยให้น้ำไหลผ่านไม่ต่ำกว่า 15 วินาที

- ดื่มน้ำที่สะอาด เลือกรับประทานอาหารที่สุก สะอาด สดใหม่

- เลี่ยงการหยิบจับหรือทำอาหารให้ผู้อื่น

- ใช้ช้อนกลางหากต้องรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน รวมถึงยังไม่มียาที่กำจัดเชื้อไวรัสชนิดนี้โดยเฉพาะ จึงควรดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ดี โดยเฉพาะเด็กเล็กที่กำลังเจริญเติบโต เพราะจะมีการติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ

ดังนั้นควรดูแลและใส่ใจเป็นอย่างมากในเรื่องของการรับประทานอาหารและน้ำดื่มที่สะอาด ที่สำคัญล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง คือสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ห่างไกลจากเชื้อโนโรไวรัส หากใส่ใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเรื่องของความสะอาดทั้งงานบ้านและงานครัว คุณจะสามารถป้องกันตัวเองและคนสำคัญของคุณได้เช่นกัน

https://www.thaihealth.or.th/Content/55764

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 24/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,744,124
Page Views2,009,295
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view