http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

น้ำประปาเค็ม ไม่กระทบสุขภาพ ชี้กลุ่มเสี่ยงหากดื่มต้องระวัง

น้ำประปาเค็ม ไม่กระทบสุขภาพ ชี้กลุ่มเสี่ยงหากดื่มต้องระวัง

กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยช่วงน้ำทะเลหนุนเสี่ยงน้ำประปาเค็ม แนะชาวบ้าน  อย่าตื่นตระหนกเพราะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เตือนกลุ่มเสี่ยง เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เพิ่มความระวังในการดื่ม พร้อมย้ำผู้ป่วยโรคไตที่รับบริการฟอกไตที่โรงพยาบาล ไม่ต้องกังวล โรงพยาบาลทุกแห่งมีระบบการกรองแบบ Reverse Osmosis (RO) ที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในปีที่แล้วและปีนี้มีการคาดการณ์เรื่องภัยแล้งและน้ำหนุนสูงจากทะเลเข้าสู่ระบบน้ำดิบ จึงทำให้คุณภาพน้ำดิบที่นำมาผลิตประปาได้รับผลกระทบ ส่งผลให้น้ำประปามีระดับค่าของความเค็มที่เรียกว่า “กร่อย” เพิ่มมากขึ้น ผู้ที่บริโภคน้ำประปาเป็นประจำอาจจะรับรู้ถึงรสชาติที่เปลี่ยนไปจากปกติบ้าง โดยความเค็มดังกล่าวมาจากเกลือโซเดียมคลอไรด์หรือเกลือแกงที่ใช้ปรุงอาหาร

องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดค่าแนะนำเพื่อความน่าดื่มและการยอมรับของผู้บริโภคไว้ คือ ในน้ำประปาควรมีโซเดียมไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อลิตร และคลอไรด์ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อลิตร แต่ถ้าเจือปนในน้ำมากเกินไปจะทำให้น้ำมีรสกร่อยถึงเค็มได้ ซึ่งทางโภชนาการและการแพทย์แนะนำว่าควรรับโซเดียมเข้าสู่ร่างกายไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน โดยปัจจุบันน้ำประปามีโซเดียมประมาณ 100–150 มิลลิกรัมต่อลิตร จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนปกติจะดื่มน้ำประปาจนได้รับโซเดียมเกินกว่าที่กำหนด แต่การดื่มน้ำกร่อยอาจได้รับโซเดียมเพิ่มเติมจากปกติ จึงควรลดปริมาณสารปรุงแต่งอาหารที่มีความเค็มลง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว ซอสปรุงรส ผงปรุงรส งดการบริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง เช่น ขนมกรุบกรอบ มันฝรั่งทอด หรือเปลี่ยนเป็นใช้น้ำดื่มบรรจุขวด ปิดสนิทแทน และให้สำรองน้ำประปาในช่วงที่ภาวะน้ำปกติเพื่อใช้ทดแทนในช่วงภาวะน้ำประปาเค็ม

ทั้งนี้ หากนำน้ำประปาเค็มไปต้มด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส สิ่งที่ระเหยคือน้ำ แต่ตัวเกลือไม่ได้ระเหยไปด้วย เพราะฉะนั้นยิ่งทำให้น้ำระเหยไปมากเท่าไร ยิ่งทำให้สัดส่วนความเค็ม หรือความกร่อยเพิ่มมากขึ้น เช่น จากเดิมน้ำ 1 ลิตรมีเกลือ 200 มิลลิกรัม แต่เมื่อต้มไปน้ำระเหยจะทำให้เหลือน้ำน้อยกว่า 1 ลิตร มีเกลือ 200 มิลลิกรัมเท่าเดิม เพราะฉะนั้น การต้มไม่ได้ช่วยให้น้ำประปาหายเค็มได้

ดังนั้น กลุ่มคนบางกลุ่มที่มีร่างกายไวต่อระดับเกลือโซเดียมที่เพิ่มขึ้น เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคไต หัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิต ตลอดจนผู้ป่วยโรคทางสมอง สัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก หรือกลุ่มที่ผู้ป่วยที่แพทย์แนะนำว่า ไม่ควรบริโภคเกลือ โซเดียมมากเกินไป ต้องระมัดระวังในการดื่มน้ำประปาช่วงนี้ เพราะอาจได้รับปริมาณโซเดียม หรือความเค็มเกินปริมาณที่สามารถบริโภคได้ และอาจจะส่งผลกระทบกับภาวะโรคที่เป็นอยู่ ในส่วนของกลุ่มผู้ป่วยโรคไตที่รับบริการฟอกไตที่โรงพยาบาลไม่ต้องกังวล เนื่องจากโรงพยาบาลทุกแห่งมีระบบการกรองแบบ Reverse Osmosis (RO) ที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพ มั่นใจได้ในเรื่องความปลอดภัย

https://www.thaihealth.or.th/Content/54025


Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 24/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,743,887
Page Views2,009,053
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view