ห่วงฟันผุไม่รักษา อาจติดเชื้อรุนแรง
สุขภาพช่องปาก เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนไม่ควรละเลย โดยเฉพาะผู้ที่เริ่มมีอาการฟันผุ หากปล่อยทิ้งไว้ ไม่รีบรักษาอาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีรายงานข่าวคนไข้ฟันผุเรื้อรัง ลุกลามจนกระทั่งติดเชื้อรุนแรง เกิดหนองในช่องพังผืดใต้คางและใต้ลิ้นจนปิดช่องปาก และส่งผลกระทบต่อระบบการหายใจของผู้ป่วย เป็นประเด็นสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ สุขภาพช่องปากและฟันของตนเอง เนื่องจากฟันผุเกิดได้จากหลายสาเหตุ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษาอาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟัน
ทำให้เกิดการอักเสบ และติดเชื้อปลายรากฟัน เกิดเป็นหนองและทะลุออกสู่เนื้อเยื่อข้างเคียง แล้วลามไปส่งผลต่อระบบการกลืนอาหาร การหายใจ หรือการมองเห็น ดังนั้นการป้องกันฟันผุจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ควรหมั่นสังเกตฟันของตนเอง ลดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย กินอาหารให้เป็นเวลา ไม่ควรกินจุบจิบ
ทันตแพทย์อำนาจ ลิขิตกุลธนพร ผอ.สถาบันทันตกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ฟันผุเกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่เรารับประทานสัมผัสกับฟันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบจุลินทรีย์ สร้างกรดที่มีฤทธิ์ทำลายผิวฟัน จนกระทั่งทำให้ฟันถูกกัดกร่อนทำลายเป็นรูผุ จากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟัน ก็จะทำให้เกิดอาการเสียวฟัน เมื่อรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น เมื่อฟันผุลุกลามจนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือรากฟันอักเสบเป็นหนอง
หากปล่อยทิ้งไว้อาจเป็นช่องทางให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ ทั้งนี้ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำทุก 6-12 เดือน เพื่อทำการรักษาตั้งแต่ในระยะแรกๆ ที่ยังไม่มีอาการและสามารถรักษาให้หายก่อนที่โรคจะลุกลามมากขึ้น
รวมไปถึงการตรวจช่องปาก ขูดหินปูน และทำความสะอาดฟัน ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคฟันผุ ช่วยป้องกันและยับยั้งปัญหาในช่องปากและโรคฟันอื่นๆ นอกจากนี้ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและก่อนนอน และใช้ไหมขัดฟัน เพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟัน ที่ขนของแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง