ยาดักไขมัน ได้ผล 100% จริงเหรอ
ยาดักไขมัน ผอมได้ใน 7 วัน สิ่งเหล่านี้เชื่อถือได้จริงหรอ? ตอบตรงนี้ชัด ๆ ว่าไม่ได้ผล 100% แถมอาจมีผลข้างเคียงอีกมากมาย สาว ๆ หนุ่ม ๆ ที่สนใจยาแบบนี้ คิดผิดคิดใหม่ยังทัน หันมาออกกำลังกายและควบคุมอาหารกับแอดแทนดีกว่า
#fdathai #oryor_infographic #ยาดักไขมัน #ยา #ไขมัน #ผลข้างเคียง #อันตราย
ยาลดความอ้วนมีข้อบ่งใช้สำหรับผู้ที่เป็นโรคอ้วน ซึ่งจะเริ่มใช้ยาในกรณีที่ผู้ป่วยมีค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index : BMI) มากกว่าหรือเท่ากับ 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยที่ผู้ป่วยได้ผ่านการรักษาด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการปรับพฤติกรรมแล้ว แต่ไม่สามารถลดน้ำหนักจนถึงเป้าหมายได้ จึงจำเป็นต้องใช้ยาควบคู่ไปด้วยกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
เหตุผลที่กินยาลดความอ้วนแล้วมีน้ำมันปนออกมา เกิดจากยาบางชนิดไปยับยั้งเอนไซม์ lipase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่สร้างมาจากกระเพาะอาหาร และตับอ่อนที่ทำหน้าที่ย่อยสลายไขมันจากอาหารที่มีขนาดโมเลกุลใหญ่ให้เป็นโมเลกุลเล็ก ดังนั้นเมื่อเอนไซม์ถูกยับยั้งจึงทำให้ไขมันยังอยู่ในลักษณะโมเลกุลใหญ่ ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ ทำให้ไขมันหรือน้ำมันถูกขับถ่ายออกมาทางอุจจาระ
ในปัจจุบันประเทศไทยมีการใช้ยา orlistat ซึ่งยับยั้งเอนไซม์ lipase ทำให้ไขมันจากสิ่งที่เรารับประทานดูดซึมได้ลดลง ทั้งนี้ความสามารถของยาสูงสุดเพียงร้อยละ 30 ของปริมาณไขมันทั้งหมดที่รับประทานเข้าไปเท่านั้น และกลไกการออกฤทธิ์ของยา orlistat ส่งผลข้างเคียง ดังนี้
- มีน้ำมันปนออกมากับอุจจาระ
- อยากถ่ายอุจจาระบ่อยครั้งกว่าปกติ
- ควบคุมการขับถ่ายลำบาก
- ปวดมวน ไม่สบายท้อง และมีการผายลมบ่อย
- ส่งผลให้วิตามินชนิดที่ละลายในไขมันถูกดูดซึมลดลง
https://oryor.com/oryor2015/print-detail.php?cat=44&id=1171