เผยมาตรการจัดซื้อยา แก้ปัญหายาขาดในอนาคต

สธ.ยันพร้อม 100% การจัดซื้อยาฯ ปี 61 แจงภาคประชาชน ยาเอดส์ขาดเป็นมา 5 เดือน แค่บางพื้นที่ เหตุบริษัทจัดส่งไม่ได้ พร้อมวางระบบยืมยาหาบริษัทสำรอง ป้องกันปัญหายาขาดในอนาคต ย้ำระบบใหม่ต้องดีกว่าเดิม

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการเตรียมความพร้อมในการจัดซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียมและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นตามโครงการพิเศษ ปี 2561 ว่า ตามที่จะมีการปรับเปลี่ยนผู้ซื้อยาฯ ในโครงการดังกล่าวจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มาให้เครือข่ายหน่วยบริการ เป็นผู้ดำเนินการนั้น ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานร่วม อาทิ กระทรวง สปสช. องค์การเภสัชกรรม (อภ.) เอ็นจีโอ รพ.สังกัดกลาโหม กรมบัญชีกลาง รพ.เครือข่ายโรงเรียนแพทย์ (ยูฮอสเนส) กทม. เป็นต้น ได้หารือกันเพื่อทำทีโออาร์ ปริมาณการใช้ ราคา เป็นต้น และมีการตั้งคณะทำงานย่อย 3 ชุดคือ คณะทำงานต่อรองราคายาฯ คณะทำงานตรวจรับยาฯ และคณะทำงานติดตามประเมินประสิทธิภาพทั้งนี้คณะทำงานชุดต่อรองราคาฯ จะมีการประชุมในวันที่ 14 ก.ย.นี้ เพื่อเตรียมเดินหน้าต่อรองราคาเมื่อขึ้นปีงบประมาณ 2561 ซึ่งยืนยันว่ามีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์

 
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนยาเอดส์ที่ภาคประชาชนออกมาระบุว่าขาดนั้น จากการติดตามพบว่ามีปัญหามาในบางพื้นที่มาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว ซึ่งยังไม่ได้มีการปรับระบบการจัดซื้อด้วยซ้ำ แต่ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ ไม่กระทบผู้ป่วย อย่างไรก็ตามกระทรวงก็ติดตามเรื่องนี้พบว่าปัญหาเป็นเพราะบริษัทผู้จำหน่ายไม่สามารถจัดส่งยาให้ได้ เรื่องนี้ทางคณะทำงานติดตามประเมินผลก็จะมีการหาพิจารณากันว่าจากนี้จะต้องมีระบบการยืมยาฯ การหาบริษัทยาสำรอง หากยาทำท่าว่าจะไม่พอในบางพื้นที่ก็ใช้การยืมยาระหว่างรพ. แต่ถ้ายาในระบบกลางทำท่าไม่พอก็จะให้ อภ.ทำหน้าที่จัดหา หากจำเป็นต้องนำเข้าก็ต้องทำ แต่บริษัทผู้จำหน่ายเดิม ต้องรับปากว่าจะต้องยกเว้นค่าลิขสิทธิ์ยา เพราะเป็นความผิดของทางบริษัทเองที่ไม่สามารถจัดหายาให้เราได้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรมว.สาธารณสุข ที่ยืนยันมาตลอดว่าระบบใหม่ต้องดีกว่าเดิม

http://www.thaihealth.or.th/Content/38652-เผยมาตรการจัดซื้อยา%20แก้ปัญหายาขาดในอนาคต.html