http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

เตือนเด็ก-ผู้สูงวัย ระวังปอดบวม

เตือน “เด็ก-ผู้สูงวัย” ระวังปอดบวม

          กระทรวงสาธารณสุข  เตือนประชาชน ฝนชุกและอากาศชื้น ระวังป่วยเป็นโรคปอดบวม  มักเกิดตามมาภายหลังจากป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หรืออาการไข้อื่นๆ ที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม พบผู้ป่วยทั่วประเทศแล้วกว่า 1แสนราย เสียชีวิต 521 ราย

          นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า สภาพที่มีฝนตกชุกในช่วงนี้ทำให้อากาศมีความชื้นสูง อาจทำให้ผู้ที่มีสุขภาพไม่แข็งแรงหรือมีภูมิต้านทานน้อย ป่วยเป็นโรคทางเดินหายใจได้ง่าย โรคที่พบบ่อยและมีอันตรายสูงคือโรคปอดบวม ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโรคติดเชื้อทั้งหมด  พบมากในกลุ่มผู้สูงอายุและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานโรคต่ำ และผู้สูงอายุมักจะมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเบาหวาน หรือโรคปอดเรื้อรัง เป็นต้น

          รายการการเฝ้าระวังโรคปอดบวม โดยสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่  1 มกราคม -  21 กรกฎาคม 2557  พบผู้ป่วยทุกจังหวัดรวม  102,194 คน เสียชีวิต 521 ราย กลุ่มที่ป่วยมากที่สุดคืออายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปพบร้อยละ 35 รองลงมาคืออายุ 55-64 ปี และกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ตามลำดับ จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากร 1 แสนคน สูงสุด คือ อ่างทอง รองลงมา คือ พะเยา ศรีสะเกษ เพชรบุรี และอุบลราชธานี     

          นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด เร่งประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนประชาชนในการดูแลสุขภาพ ควรสวมใส่เสื้อผ้าให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะเวลานอนกลางคืน หากเปียกฝนให้รีบชำระล้างร่างกาย สระผมและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าทำงานหักโหม  ไม่อดนอน  เนื่องจากจะทำให้ระดับภูมิต้านทานในร่างกายลดลง และขอให้กลุ่มเสี่ยงสูงหากเจ็บป่วยจะมีอาการรุนแรงกว่ากลุ่มอื่นๆ

          ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ 1. ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 2. เด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไปถึง 2 ปี 3. หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์  4 เดือนขึ้นไป  และ 4. ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย มะเร็งที่กำลังให้เคมีบำบัดและเบาหวาน ให้ไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ฟรี ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทุกแห่ง เพื่อความความเสี่ยงป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่และเกิดภาวะปอดบวมแทรกซ้อนตามมา

          ทางด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า โรคปอดบวมเป็นโรคที่มีความรุนแรงสูงมีรายงานผู้เสียชีวิตมากที่สุด  สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อหลายชนิด เช่นแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ไอ หายใจหอบเหนื่อย  อาการมักจะเกิดตามหลังป่วยเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ และอาการไข้อื่นๆ ที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสม โดยไข้จะไม่ลด  ผู้ป่วยจะไอ มีเสมหะมาก เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย บางครั้งการป่วยในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ อาการที่กล่าวมาข้างต้นอาจไม่ชัดเจนหรือไม่ครบทุกอย่าง ในผู้สูงอายุอาจจะมีไข้ต่ำๆ หรือตัวอุ่นๆ และซึมลง ส่วนในเด็กเล็ก อาจจะมีไข้สูง  ซึมลง ไม่กินน้ำ กินนม  หายใจหอบเร็วหรือหายใจมีเสียงดังหวีด หรือหายใจแรงจนชายโครงบุ๋ม  จมูกบานเวลาหายใจเข้า  หากมีอาการที่กล่าวมา  ขอให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที  จะช่วยลดการเสียชีวิตลงได้  

          โรคนี้ติดต่อกันง่ายทางการไอจามรดกัน หรือติดทางการสัมผัสน้ำมูกน้ำลายผู้ป่วย ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สวมเสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพิ่มผักและผลไม้ให้มากขึ้น พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่คลุกคลีกับผู้ป่วย ใช้ช้อนกลางเมื่อรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำห้องส้วม ไอจาม สัมผัสสิ่งของหรือตัวผู้ป่วย ซึ่งการล้างมือจะกำจัดเชื้อโรคที่ติดมากับมือได้ถึงร้อยละ 80 และหลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในสถานที่ที่คนแออัด เป็นต้น    

          นายแพทย์โสภณกล่าวต่อว่า ที่สำคัญ  ถ้าเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ควรหยุดเรียน หยุดทำงาน ควรใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูกเวลาไอหรือจาม ไม่ซื้อยากินเองโดยเฉพาะยาแก้ไอให้เด็กอายุต่ำกว่า ขวบกินอย่างเด็ดขาด เนื่องจากในยาแก้ไอจะมีฤทธิ์กดอาการไอ ทำให้เสมหะและเชื้อโรคที่อยู่ในเสมะหะคั่งอยู่ในถุงลมปอด ทำให้อาการรุนแรงยิ่งขึ้น วิธีที่ดีที่สุด คือ ให้ผู้ป่วยจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ จะช่วยให้เสมหะอ่อนตัว และขับออกมาง่าย และเป็นการลดปริมาณเชื้อโรคในปอดได้ด้วย ในการสังเกตอาการหอบในเด็กที่ป่วย สามารถดูได้จากอัตราการหายใจ โดยเด็กอายุน้อยกว่า 2 เดือนจะหายใจเร็วกว่า 60 ครั้งต่อนาที เด็กอายุ 2-11 เดือนหายใจเร็วกว่า 50 ครั้งต่อนาที เด็กอายุ 1-5 ปีหายใจเร็วกว่า 40 ครั้งต่อนาที

          ทั้งนี้ ปอดทำหน้าที่ในการหายใจ แลกเปลี่ยนอ๊อกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ เมื่อปอดติดเชื้อ เชื้อโรคจะเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะส่งเม็ดเลือดขาวไปกำจัดเชื้อโรคที่เซลปอด หลอดเลือดจะขยายตัวทำให้เกิดการคั่งของเลือดบริเวณที่อักเสบ ทำให้การระบายอากาศและการแลกเปลี่ยนก๊าซลดลง เกิดอาการไอ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย  หรือที่เรียกว่า อาการปอดบวมตามมา

           ที่มา : สำนักสารนิเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
http://www.thaihealth.or.th/Content/25344-เตือน%20“เด็ก-ผู้สูงวัย”%20ระวังปอดบวม.html

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 27/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,745,548
Page Views2,010,721
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view