http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

เฝ้าระวังไวรัส อีโบลาใกล้ชิด

เฝ้าระวังติดตามไวรัส “อีโบลา” ใกล้ชิด

กระทรวงสาธารณสุข ติดตามสถานการณ์การระบาดเชื้อไวรัสอีโบลา ใน 4 ประเทศอย่างใกล้ชิดชี้ไทยเสี่ยงต่อไวรัสอีโบลาต่ำ แม้ไทยยังไม่เคยพบผู้ป่วยโรคนี้ก็ตาม แต่ไม่ประมาท สั่งเฝ้าระวังป้องกัน 3 มาตรการ แนะประชาชนที่เดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง หากมีอาการป่วยหลังเดินทางกลับ คือ มีไข้สูง ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อและช่องท้องรุนแรง อ่อนเพลียมาก วิงเวียนศีรษะ ขอให้สงสัยไว้ก่อนและให้รีบพบแพทย์โดยเร็ว  พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

          ตามที่มีรายงานข่าวการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola virus) ใน 3 ประเทศของทวีปแอฟริกา คือกินี (Guinea) ไลบีเรีย (Liberia) และเซียร์ราลีโอน (Sierra Leone) โดยองค์การอนามัยโลก สรุปยอดผู้ป่วย ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2557 พบผู้ป่วย  1,093 ราย  เสียชีวิต 660 ราย พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายล่าสุดที่พบในประเทศไนจีเรีย ( Nigeria) เสียชีวิตเมื่อ 25 กรกฎาคม 2557 ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนหรือยารักษาเฉพาะ

          เกี่ยวกับความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันที่ 30 กรกฎาคม 2557  นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานผู้ป่วยจากเชื้อไวรัสอีโบลา และแม้ว่าไทยจะมีความเสี่ยงต่อโรคนี้ต่ำก็ตาม แต่ก็ไม่ประมาท กระทรวงฯ ได้จัดระบบเฝ้าระวังและป้องกันโรคนี้ 3 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.ให้สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ติดตามสถานการณ์โรคจากองค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวังผู้ป่วยโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่เดินทางมาจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค เนื่องจากโรคนี้ไม่มีวัคซีนป้องกันและไม่มียารักษาโรคเฉพาะ  จึงต้องใช้ระบบการเฝ้าระวังและการตรวจคัดกรองเพื่อค้นหาผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว  หากพบผู้ป่วยมีอาการอยู่ในข่ายสงสัยให้รายงานทันที  2. ให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เข้มมาตรการดูแลรักษาหากมีผู้ป่วยมีอาการในข่ายสงสัย  โดยใช้มาตรฐานเดียวกับการดูแลผู้ป่วยโรคติดต่อที่มีอันตรายสูง เช่น ไข้หวัดนก โรคซาร์ส เป็นต้น และ 3. ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมความพร้อมในการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งไทยมีความร่วมมือใกล้ชิดกับศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกา (US-CDC) ในการตรวจวิเคราะห์เชื้อไวรัสชนิดนี้

          ด้าน นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคอีโบลา เป็นกลุ่มโรคไข้เลือดออกชนิดหนึ่ง เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรง  อัตราการแพร่ระบาดสูงและเร็ว มีอัตราตายค่อนข้างสูงคือร้อยละ 50-90  เชื้อมีระยะฟักตัว 2-21 วัน  อาการของผู้ป่วยคือมีไข้สูงทันที อ่อนเพลียปวดกล้ามเนื้อและปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ในรายที่อาการรุนแรงหรือในบางรายที่เสียชีวิตจะมีอาการเลือดออกง่าย โดยมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลางและช็อก อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่

          ขณะนี้ องค์การอนามัยโลกยังไม่มีคำแนะนำห้ามเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง อย่างไรก็ดีในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสอีโบลา  มีข้อแนะนำดังนี้  ในกลุ่มประชาชนทั่วไป  ขอให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าที่นำเข้า โดยไม่ผ่านการตรวจโรคทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย  และหลีกเลี่ยงการการรับประทานเนื้อสัตว์ป่าที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวกลิง หรือค้างคาว หรืออาหารเมนูพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร

          ส่วนประชาชนที่จะเดินทางไปยังประเทศที่มีการระบาดของโรคอีโบลา  ขอให้ปฏิบัติตัวดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าทั้งที่ป่วยหรือไม่ป่วย 2. หลีกเลี่ยงการการรับประทานเนื้อสัตว์ป่า ที่ป่วยตายโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะสัตว์จำพวก ลิง หรือค้างคาว หรือเมนูอาหารพิสดารที่ใช้สัตว์ป่า หรือสัตว์แปลกๆ มาประกอบอาหาร  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่ง เช่น เลือด หรือสิ่งของเครื่องใช้ของผู้ป่วย เนื่องจากเชื้ออาจปนเปื้อนกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย หรือศพของผู้ป่วยที่เสียชีวิต 4. หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับผู้ป่วย หากมีความจำเป็นให้สวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายและล้างมือ บ่อยๆ

          นายแพทย์โสภณกล่าวต่อไปอีกว่า  หากประชาชน  มีอาการป่วย เช่น มีไข้สูงเฉียบพลัน   อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงตามตัว ขอให้รีบพบแพทย์ทันที   โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดโรคชนิดนี้   ขอให้แจ้งประวัติการเดินทางให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การดูแล ได้อย่างถูกต้องและทันท่วงที   เพื่อป้องกันการเสียชีวิต

          ทั้งนี้ เชื้อไวรัสอีโบลา มี 5 สายพันธุ์ โดยมี 3 สายพันธุ์ที่รุนแรง ได้แก่สายพันธุ์ซูดาน สายพันธุ์ซาร์อีและสายพันธุ์บันดิบูเกียว ทำให้เกิดการระบาดในแอฟริกา อัตราการป่วยตายร้อยละ 25-90   เชื้อไวรัสชนิดนี้จะติดต่อกันได้ในช่วงหลังปรากฎอาการไข้แล้ว โดยติดทางการสัมผัสเลือด อุจจาระ หรือเหงื่อของผู้ป่วยโดยตรง หรือมีเพศสัมพันธ์หรือสัมผัสศพผู้เสียชีวิตจากโรคนี้โดยไม่มีการป้องกัน ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ โทร 0-2590-3159, 3538 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

          ที่มา: เว็บไซต์สยามรัฐ

http://www.thaihealth.or.th/Content/25224-เฝ้าระวังติดตามไวรัส%20“อีโบลา”%20ใกล้ชิด%20.html

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 27/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,745,758
Page Views2,010,932
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view