‘สับสนเฉียบพลัน’ มักพบในผู้สูงอายุ
ผู้ป่วยที่มีอาการสับสนเฉียบ พลันจะมีอาการพูดคุยคนละเรื่อง ไม่เป็นเรื่องราว จับต้นชนปลายไม่ถูก หลงวัน เวลา และสถานที่ มีอาการเห็นภาพหลอนที่คนอื่นไม่เห็น
อาการนี้มักพบในผู้สูงอายุมากกว่าวัยอื่นๆ ยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งมีความเสี่ยงสูง เพราะเซลล์สมองเริ่มตายมากขึ้น ทำให้ความสามารถของสมองลดลง รองรับการเปลี่ยนแปลงต่างๆของร่างกายได้ไม่ดีเท่าคนหนุ่มสาว ผู้สูงอายุที่รับการรักษาตัวในโรงพยาบาลร้อยละ 10-20 เกิดอาการนี้ขณะนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล และถ้าต้องได้รับการผ่าตัด เช่น ผ่าตัดข้อสะโพก หรือป่วยอาการหนัก โอกาสเกิดอาการนี้ยิ่งสูงขึ้น
อาการสับสนเฉียบพลันถือเป็นภาวะค่อนข้างเร่งด่วนที่ต้องไปพบแพทย์ เนื่องจากเกิดจากความผิดปรกติบางอย่างของร่างกายที่ซ่อนอยู่ ไม่ใช่เกิดจากโรคของจิตใจ
สำหรับความผิดปรกติทางกายที่สำคัญที่มักเป็นสาเหตุของอาการนี้ ได้แก่ 1. ยา ถ้ารับประทานยาหลายชนิดยิ่งมีโอกาสเกิดสูง เพราะฉะนั้นถ้าเพิ่งได้รับยาใดมาไม่นาน หรือมีการปรับขนาดยาหรือวิธีการรับประทานก่อนเกิดอาการสับสนเฉียบพลัน ให้หยุดยาดังกล่าวและปรึกษาแพทย์ โดยนำตัว อย่างยาทั้งหมดไปให้แพทย์ดูด้วย
2. โรคติดเชื้อ 3. ความผิดปรกติของระดับน้ำตาล เกลือแร่ในร่างกาย กรณีนี้มักเกิดในผู้ป่วยที่มีโรคบางอย่างอยู่เดิม เช่น เป็นโรคเบาหวาน
4. โรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจวาย หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ดี โรคถุงลมโป่งพอง หรือเป็นโรคตับแข็ง และ 5. ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมอยู่เดิม
การป้องกันอาการสับสนเฉียบพลันโดย 1. พยายามให้ผู้ป่วยได้ทำกิจวัตรประจำด้วยตนเอง อย่างเช่น อาบน้ำเอง แต่งตัวเอง 2. พยายามพูดคุยกับผู้สูงอายุบ่อยๆ เช่น การถามคำถามเกี่ยวกับความเป็นอยู่ พูดคุยเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆในครอบครัวและสังคม
3. ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นและการได้ยิน ให้ผู้ป่วยสวมแว่นสายตาและเครื่องช่วยฟัง เพราะจะทำให้มองเห็นและได้ยินดีขึ้น 4. ถ้าผู้สูงอายุไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหน อยู่แต่ในบ้าน พยายามให้ผู้สูงอายุได้สัมผัสแสงแดดบ้างในช่วงเช้าและเย็น ถ้านอนอยู่แต่บนเตียง ลุกเดินไม่ได้ พยายามเปิดผ้าม่านหน้าต่างหรือเปิดไฟให้สว่างในเวลากลางวัน และพยายามหรี่หรือปิดไฟในช่วงกลางคืน
5. ถ้ามานอนโรงพยาบาล ควรให้ญาติหรือผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุเป็นประจำได้อยู่เฝ้า และนำอุปกรณ์ เครื่องใช้ประจำตัวของผู้ป่วยมาที่โรงพยาบาล เพราะผู้ป่วยจะคุ้นเคย
6. หานาฬิกาและปฏิทินวางไว้ในตำแหน่งที่ผู้ป่วยสูงอายุสามารถมองเห็นได้ชัดเจน เพื่อช่วยกระตุ้นเตือนไม่ให้สับสนวันและเวลา 7. พยายามให้ผู้ป่วยสูงอายุได้รับการพักผ่อนเพียงพอ
8.ควรทบทวนวัน เวลา และสถานที่ ให้ผู้ป่วยสูงอายุรับทราบเป็นครั้งคราว 9. หลีกเลี่ยงการใช้ยาเอง ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้ยาใดๆ
10. เมื่อมีอาการเจ็บไข้ไม่สบายใดๆควรไปรักษาตั้งแต่แรก
11. ในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือต้องได้รับการผ่าตัด ควรได้รับการประเมินจากแพทย์ถึงความเสี่ยงต่อการเกิดอาการสับสนเฉียบพลันและการป้องกันไว้ด้วย 12. กรณีที่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล แพทย์และพยาบาลควรอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตัว ขั้นตอนการตรวจและการรักษาให้ผู้ป่วยฟังเป็นระยะ จะช่วยทำให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวล ซึ่งอาจนำมาซึ่งอาการสับ สนได้ และ 13. ในกรณีที่เกิดอาการสับสนแล้วให้ รีบหยุดยาที่ไม่แน่ใจและนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดจากความผิดปรกติบางอย่างที่เป็นอันตรายและต้องรักษาอย่างรวดเร็ว
ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข
http://www.thaihealth.or.th/Content/24393-‘สับสนเฉียบพลัน’%20มักพบในผู้สูงอายุ.html