http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

ห่วงปัญหาเหงือกช่องปากผู้สูงอายุ

ห่วง! ผู้สูงอายุมีปัญหาเหงือกและช่องปาก

          กรมอนามัย เผยพบโรคปริทันต์อักเสบมากในกลุ่มผู้สูงอายุถึง 1 ใน 3 หรือร้อยละ 32.1 พบในวัยทำงาน ร้อยละ 15.6 แนะแปรงให้ลึกถึงซอกฟันเพื่อลดคราบจุลินทรีย์ ป้องกันการเกิดโรคปริทันต์

          เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 57 ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากประเทศไทย พบว่า ประชาชนกลุ่มวัยทำงานเริ่มมีปัญหาเรื่องโรคปริทันต์ โดยร้อยละ 15.6 เป็นโรคปริทันต์อักเสบอย่างรุนแรง และยังพบมากยิ่งขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุถึงร้อยละ 32.1 ซึ่งโรคปริทันต์ประชาชนจะเข้าใจว่าเป็นโรคเหงือกอักเสบ แต่ความจริงแล้วมีความรุนแรงกว่าเหงือกอักเสบมาก เพราะอาการอักเสบจะเกิดขึ้นในอวัยวะอื่นๆ ด้วย เช่น กระดูกเบ้าฟัน เอ็นยึดปริทันต์ และผิวรากฟัน โดยผู้ที่เป็นโรคปริทันต์มักมีอาการเลือดออกขณะแปรงฟัน เหงือกบวมแดง มีกลิ่นปาก เหงือกร่น มีหนองออกจากร่องเหงือก ฟันโยกหรือฟันเคลื่อนห่างออกจากกัน นำไปสู่สาเหตุการสูญเสียฟันในที่สุด โรคปริทันต์เกิดจากคราบจุลินทรีย์หรือที่เรียกว่าพลัค ที่มีเชื้อโรคแฝงอยู่เป็นจำนวนมาก พบมากที่บริเวณคอฟัน ขอบเหงือก และซอกฟัน เมื่อรับประทานอาหารเข้าไป คราบจุลินทรีย์นี้จะใช้น้ำตาลจากอาหารสร้างกรดและสารพิษ ซึ่งกรดเป็นตัวทำลายเคลือบฟันทำให้ฟันผุ และสารพิษจะทำให้เหงือกอักเสบจนเกิดโรคปริทันต์ หากทำความสะอาดฟันและเหงือกไม่ทั่วถึง คราบจุลินทรีย์จะเพิ่มขึ้นและเป็นอันตรายต่อเหงือกและฟันได้

          กรมอนามัยได้แนะนำให้ประชาชนดูแลและทำความสะอาดช่องปากและฟัน ตามสูตรแปรงฟัน 2 2 2 คือ แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ โดยเน้นช่วงก่อนนอนแปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที ให้สะอาดทั่วทั้งปากทุกซี่ ทุกด้าน เพื่อให้ฟลูออไรด์ได้ใช้เวลาทำปฏิกิริยากับฟัน ไม่กินขนมหรืออาหารหวานหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง เพราะขนมและอาหารหวานจะกลายสภาพเป็นกรดทำลายสารเคลือบฟัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคปริทันต์หรือมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ การแปรงฟันโดยปกติอาจยังไม่เพียงพอเนื่องจากมีช่องว่างระหว่างซี่ฟันบริเวณเหนือเหงือกขนาดใหญ่ และมีร่องลึกลงไปใต้เหงือกที่ยากจะทำความสะอาด ซึ่งเป็นบริเวณเสี่ยงต่อการเริ่มเกิดโรคปริทันต์ การใช้แปรงซอกฟันทำความสะอาด จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดได้มากกว่าการแปรงฟันอย่างเดียวถึงร้อยละ 20 ซึ่งนอกจากจะช่วยลดคราบจุลินทรีย์แล้ว ยังช่วยป้องกันโรครำมะนาด รวมถึงผู้ที่เป็นโรคปริทันต์อยู่ระหว่างการรักษา การแปรงซอกฟันเป็นประจำวันละครั้ง จะชะลอและลดการลุกลามของโรค ทำให้สามารถเก็บรักษาฟันแท้ให้คงสภาพที่ดีและใช้งานได้นานมากขึ้น

          ทั้งนี้การเลือกแปรงสำหรับแปรงซอกฟันควรเลือกขนาดให้เหมาะกับช่องว่างระหว่างซี่ฟันซึ่งจะมีตั้งแต่ขนาด 0.6 - 1.8 มม. ขนาดของแปรงไม่เล็กจนเกินไป เพราะจะหักง่าย และไม่ใหญ่เกินไปเพราะเบียดซี่ฟันอาจทำให้ฟันสึกและเป็นช่องโหว่ วิธีการใช้ คือ สอดขนแปรงที่ช่องว่างระหว่างซี่ฟัน ดึงเข้าออก 3-4 ครั้ง และต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จึงจะได้ผลดีที่สุด หากมีข้อสงสัยขอรับคำแนะนำได้จากทันตบุคลากรที่สถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว

          ที่มา : เว็บไซต์ไทยรัฐ

http://www.thaihealth.or.th/Content/24231-ห่วง!%20ผู้สูงอายุมีปัญหาเหงือกและช่องปาก.html

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 27/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,745,684
Page Views2,010,858
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view