http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงไข้หวัดใหญ่

เฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยง หลังพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ อันดับ 3 สาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ H3N2 เป็นอันดับ 3 ย้ำเฝ้าระวังกลุ่มเสี่ยงในเด็ก-ผู้สูงอายุ นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดการะประชุมประจำปีโครงการ "strengthening Thailand's Influenza Surucillanee Network to Support Influenza Control Policy and Improve Pandemic Preparedness” เรื่องระบบเฝ้าระวังไข้หวัดใหญ่ที่ยั่งยืนกับความมั่นคงทางสุขภาพถึงสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่ในปัจจุบันว่า ช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมา ทางกระทรวงสาธารณสุขมีความกังวลเรื่องการติดเชื้อโคโรนาไวรัชสายพันธ์ใหม่ จากคนไทยที่ไปประกอบพิธีฮัจญ์ ประเทศซาอุดิอารเบีย ซึ่งมีอัตราตายสูงมาก จึงมีการเฝ้าระวังเรื่องของไข้หวัดมากเป็นพิเศษ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าระวังของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ไข้หวัดที่มีผู้ป่วยจำนวนมากเป็นอันดับแรก คือไข้หวัดธรรมดาที่เกิดจากเชื้อไรโนไวรัชถึง 48 เปอร์เซ็นต์ แต่ไข้หวัดชนิดนี้ไม่มีอาการของไข้ที่รุนแรงหรืออาการปวดเมื่อตามตัว ถ้าดูแลสุขภาพให้ดีจะสามารถหายได้ อันดับ2 คือไข้หวัดที่เกิดจากเชื้ออะดิโนไวรัช พบจำนวนผู้ป่วย20เปอร์เซ็นต์ เป็นไข้หวัดธรรมดาแต่ร้ายแรงที่สุด เพราะจะทำให้เกิดอาการไอเรื้อรังเป็นเดือนจนทางเดินหายใจถลอกจนบวม เนื่องจากมีเสมหะค้างอยู่ หรือเป็นถุงลมโป่งพองในผู้สูงอายุจนทำให้เสียชีวิตได้ ฉะนั้นผู้ที่มีอาการไอเรื้อรังต้องรีบหาทางระงับอาการไอให้เร็วที่สุด อันดับ3 คือไข้หวัดใหญ่H3N2 เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา A จะทำให้ผู้ป่วยมีไข้รุนแรง ปวดเมื่อยตามตัวถึงกับล่มหมอนนอนเสื่อ แต่ในประเทศไทยถือว่ายังสามารถควบคุมได้ หรือการแพร่กระจายของเชื้อน้อยลง อาจเพราะประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนป้องกัน โรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงทำให้การระบาดของโรคนั้นจบเร็วขึ้น "กลุ่มที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษยังคงเป็นกลุ่มเด็ก โดยเฉพาะเด็กอายุไม่ถึง1ขวบ เนื่องจากเป็นวัยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ บอกอาการที่เป็นไม่ได้ หรือหากพาไปพบแพทย์ช้าอาจทำให้อาการรามเป็นปอดชื้นปอดบวมไปจนถึงเสียชีวิต ส่วนในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคเรื้อรังก็เป็นกลุ่มที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะปอดผู้สูงอายุไม่แข็งแรง หรือไปกระทบกับโรคที่เป็นอยู่ ส่งผลให้อาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น " ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/situations/38620

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 27/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,745,520
Page Views2,010,693
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view