กรมการแพทย์แนะวิธีเลือก “ขนม” สำหรับเด็ก
เมื่อเด็กไทยเป็นโรคขาดสารอาหารกันมากขึ้น พ่อแม่จึงควรต้องมีการดูแลในเรื่องการรับประทานของเด็ก
อย่างใกล้ชิด เพราะขนมในอดีตจะมีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน แตกต่างกับขนมในปัจจุบันที่มีส่วนประกอบ
ของน้ำตาลเป็นหลัก
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันเด็กไทยเป็นโรคขาดสาร
อาหารกันมากขึ้น จึงขอแนะนำวิธีการดูแลในเรื่องของโภชนาการสำหรับเด็กซึ่งผู้ปกครองต้องเอาใจใส่ในเรื่องของ
อาหารโดยเฉพาะขนมขบเคี้ยวที่ได้รับมาจากหน่วยงานต่างๆ พ่อแม่จึงต้องมีการดูแลในเรื่องการรับประทานของเด็ก
อย่างใกล้ชิด เพราะขนมในอดีตจะมีประโยชน์และสารอาหารครบถ้วน แตกต่างกับขนมในปัจจุบันที่มีส่วนประกอบ
ของน้ำตาลเป็นหลัก เมื่อกินเข้าไป จะส่งผลเสียต่อระบบโภชนาการของร่างกาย ทำให้เด็กที่บริโภคขนมมากเกินไป
ขาดสารอาหารที่จำเป็น ต่อการพัฒนาทางร่างกายและสติปัญญา
ทั้งนี้ หากกินขนมและอาหารหลัก 3 มื้อในปริมาณมาก จะทำให้เด็กอ้วน ในทางกลับกันการกินขนมมาก
แต่กินอาหารหลัก 3 มื้อน้อยจะทำให้เด็กผอม รวมทั้งอาจขาดวิตามิน เกลือแร่ ทำให้ซีด เลือดจาง หรือเกิดภาวะ
ขาดสารอาหาร โดยความหวานทำให้อิ่มและกินอาหารมื้อหลักได้น้อยลง นอกจากส่งผลเสียต่อร่างกายแล้ว อาจส่ง
ผลเสียทางด้านจิตใจ เด็กมักจะมีความก้าวร้าวและมีพัฒนาการที่ช้ากว่าปกติ ถ้าเป็นเด็กที่มีการกินอาหารและฝึก
วินัยในการกินที่ดีมักจะเป็นเด็กที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ ดังนั้นหลักการเลือกขนมให้เด็กอย่างถูกวิธี คือการเลือก
ขนมที่มี พลังงานน้อย
สำหรับขนมกรุบกรอบหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่มีซองเครื่องปรุงอยู่ จะมีโซเดียมในปริมาณมากเกินไป ทำให้
ไตต้องทำงานหนักจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว นอกจากนี้การใส่ใจในการเลือกซื้อขนมให้แก่เด็กก็ถือเป็นสิ่ง
สำคัญ ควรเลือกขนมที่มีสีธรรมชาติ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ไม่ควรให้กินขนมประเภทลูกอม ลูกกวาด เพราะอาจเป็น
อันตราย เด็กอาจจะกลืนทำให้ติดหลอดคอ ไม่ควรเลือกซื้อขนมที่มีน้ำตาลสูงให้เด็ก ไม่ควรซื้อขนมเก็บไว้ในบ้าน
เป็นจำนวนมากเพราะจะทำให้เด็กรับประทานมากจนเกินไป และควรปลูกฝังให้เด็กรับประทานผลไม้แทนขนมหวาน
และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกาย เพื่อโภชนาการที่สมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ
ของเด็กไทยในอนาคต
ที่มา : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/situations/38427