กระทรวงสาธารณสุข เผยเด็กไทยเกิดใหม่ปีละ 7 แสน มีเด็กก่อนวัยเรียนรวมเกือบ 4 ล้านคน สธ.ห่วง
ฝากศูนย์เด็กเล็ก แพร่กระจายเชื้อโรคสู่กันง่าย สั่งเข้มควบคุมหวัด มือเท้าปาก สุกใส ตาแดง ท้องร่วง หวังช่วย
เด็กปฐมวัยมีสุขภาพกายใจที่ดีลดอุบัติการณ์เกิดโรค
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า แต่ละปีไทยมีเด็กเกิดใหม่กว่า 7 แสนคน
ทำให้มีเด็กก่อนวัยเรียนที่มีอายุต่ำกว่า 5 ปี เกือบ 4 ล้านคน จำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กอายุระหว่าง 2 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี
ร่วมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน ทำให้สภาพครอบครัวเป็นครอบเดี่ยว พ่อแม่หรือผู้ปกครองเด็กต้องทำงาน
นอกบ้าน ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรหลานตนเองในช่วงเวลากลางวัน เด็กกลุ่มนี้จึงถูกนำไปฝากเลี้ยงในศูนย์เด็กเล็กและ
โรงเรียนอนุบาลจำนวนมาก
ซึ่งเป็นสถานที่ที่เด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก และมีมากกว่า 19,000 แห่ง ผลที่ตามมาคือศูนย์เด็กเล็กและ
โรงเรียนอนุบาลจึงเป็นสถานที่เด็กจำนวนมาก อาศัยอยู่รวมกัน เมื่อเด็กคนใดคนหนึ่งเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อ ซึ่งการ
เจ็บป่วยหรือโรคติดต่อนี้ก็จะแพร่กระจายไปสู่เด็กคนอื่นๆ ได้ง่ายและรวดเร็ว ทำให้เด็กต้องหยุดเรียนจำนวนมาก ติดต่อ
กันเป็นระยะเวลาหลายวัน หรือแม้กระทั่งปิดโรงเรียนชั่วคราว เพื่อทำความสะอาดและเพื่อลดปัจจัยที่จะนำไปสู่การ
ระบาดมากยิ่งขึ้น เช่น การระบาดของโรคมือ เท้า ปาก เป็นต้น
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า เมื่อปี 2552 สธ.โดยกรมควบคุมโรค จึงริเริ่มดำเนินการนำร่องศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค
ใน 4 จังหวัด โดยจัดให้มีการอบรมให้ความรู้แก่ครูผู้ดูแลเด็ก ผู้บริหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดแนว
ทางในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็กและ โรงเรียนอนุบาล ต่อมาในปี 2554 มีศูนย์เด็กเล็ก
ที่เข้าโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค กรมควบคุมโรค มากกว่า 1 หมื่น 6 พันแห่ง (ร้อยละ 84 จากศูนย์เด็กเล็กทั่ว
ประเทศกว่า 2 หมื่นแห่ง) จากการติดตามและประเมินผลพบว่าศูนย์เด็กเล็กที่เข้าร่วมโครงการประเมินผ่าน เกณฑ์
มากกว่าครึ่ง (ประมาณ 9 พันแห่ง) รวมทั้งอัตราการเกิดโรคติดต่อระบาดในศูนย์เด็กเล็กเหล่านี้ลดลงอย่างเห็นได้
ชัด เช่น โรคไข้หวัดจากร้อยละ 24.9 เหลือเพียงร้อยละ 9
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคติดต่อสำคัญที่ สธ.ต้องป้องกันและควบคุมใน
ศูนย์เด็กเล็ก ได้แก่ โรคหวัด โรคมือ เท้า ปาก โรคสุกใส โรคตาแดง โรคอุจจาระร่วง เป็นต้น ซึ่งโรคติดต่อเหล่านี้
สามารถติดต่อกันได้ทั้ง การหายใจเอาละอองอากาศที่มีเชื้อปนอยู่เข้าไป การไอหรือจามรดกัน และการใช้ของใช้
ส่วนตัวร่วมกัน รวมทั้งการรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเข้าไป หากเด็กที่อยู่ในศูนย์เด็กเล็ก หรือ โรงเรียน
อนุบาล เจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อเหล่านี้ก็จะสามารถแพร่กระจายสู่กัน และแพร่กระจายสู่ชุมชนได้ง่าย ซึ่งจาก
การดำเนินงานศูนย์เด็กเล็กคุณภาพปลอดโรค ช่วยให้เด็กปฐมวัยมีสุขภาพกายใจที่ดีลดอุบัติการณ์การเกิดโรค
นพ.โสภณ กล่าวต่อว่า การดำเนินงานและมาตรการดำเนินการศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลคุณภาพ
ปลอด โรค มีดังนี้
1. การจัดทำแนวทางการป้องกันควบคุมโรคติดต่อในศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียน อนุบาล สำหรับครูผู้ดูแลเด็กโดยเน้น
3 ยุทธศาสตร์ คือ ครูผู้ดูแลเด็กมีสุขภาพและความรู้ดี การบริหารจัดการดี และสภาพแวดล้อมดี
2. การนิเทศติดตามผลการดำเนินงานตามแนวทางการป้องกันควบคุมโรคติดต่อในศูนย์ เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล
3. การให้การรับรองผลการดำเนินงานเป็น “ศูนย์เด็กเล็กคุณภาพ-ปลอดโรค” แก่ศูนย์เด็กเล็กที่สามารถดำเนินงานได้
ถูกต้องตามข้อกำหนด
4. การจัดทำสื่อการเรียนการสอนแก่ศูนย์เด็กเล็ก ด้านการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ และ 5.โครงการประชุมแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ในการดำเนินงานป้องกันควบคุมโรคติดต่อใน ศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล ซึ่งจัดขึ้นทุกปี
"กรมควบคุมโรค ได้มีการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและมอบใบประกาศศูนย์เด็กเล็กที่ผ่าน เกณฑ์
มาตรฐาน ศูนย์เด็กเล็กปลอดโรค กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ปี 2554 เป็นต้นมา รวมทั้งได้จัดให้มีการมอบโล่ประกาศเกียรติ
คุณและเชิดชูศูนย์เด็กเล็กที่มี การดำเนินงานดีเด่นทุกปี สำหรับเด็กที่อยู่ในช่วงปฐมวัย ศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาล
นับว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญมาก เพราะเปรียบเสมือนเป็นบ้านหลังที่ 2 ของเด็กๆ การบูรณาการการทำงานร่วมกัน
ในการพัฒนาศูนย์เด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลให้ได้ตามมาตรฐาน มีคุณภาพ และปลอดโรค โดยเน้นการให้ความรู้
ความเข้าใจ แก่บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ในการดูแลเด็ก การให้ความรู้แก่เด็กๆ ให้มีสุขลักษณะและพฤติกรรมในการป้องกัน
โรคที่ถูกต้อง รวมถึง การสร้างเครือข่ายการป้องกันและควบคุมโรค เพื่อปกป้องสุขภาพลูกหลานของเราให้ปลอดภัย ต่อไป
ผู้สนใจ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/38419