เตือนเฝ้าระวัง 'ไข้หวัดนก' ห้ามนำสัตว์ปีกตายทำอาหาร
กระทรวงสาธารณสุข กำชับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เฝ้าระวัง "โรคไข้หวัดนก" โดยเตือน
ประชาชนห้ามนำเป็ด ไก่ รวมทั้งนกที่กำลังป่วยหรือตายแล้วมาประกอบอาหาร หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ และมี
ประวัติสัมผัสสัตว์ปีกหรืออยู่ในพื้นที่เสี่ยง ให้รีบพบแพทย์
นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสถานการณ์โรคติดต่อจากสัตว์ปีกสู่คน
หรือโรคไข้หวัดนก เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นในขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีความเป็นห่วงสถานการณ์โรค
โดยเฉพาะสายพันธุ์เอช 7 เอ็น 9 (H7 N9) ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยในประเทศจีน และเป็นโรคที่มีอันตรายสูง เกิดในสัตว์
ปีกและสามารถติดต่อมาสู่คนได้ ได้มอบให้กรมควบคุมโรคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ เข้มงวดในการ
ใช้มาตรการเฝ้าระวังโรคร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด ทั้งในคนและสัตว์ปีกอย่างเข้มข้น เน้นหนักพื้นที่ที่เคยพบผู้ป่วยหรือ
สัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนก แม้ว่าไทยจะไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกทุกสายพันธุ์ ตั้งแต่ พ.ศ.2549 เป็นต้นมา
แต่ยังมีความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคดังกล่าว เนื่องจากภูมิภาคเอเชียและประเทศใกล้เคียง ยังมีรายงานผู้ป่วยไข้
หวัดนก และประชาชนมีการเดินทางข้ามพรมแดนอย่างต่อเนื่องล่าสุด องค์การอนามัยโลกได้รายงานเมื่อวันที่
14 ม.ค. 57 พบผู้ป่วยไข้หวัดนก สายพันธุ์ เอช 7 เอ็น 9 (H7N9) ตั้งแต่กลางปี 2556 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวน
169 ราย เสียชีวิต 48 ราย ผู้ป่วยที่รายงานทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน ส่วนในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบเชื้อ
ชนิดนี้ ทั้งในสัตว์ปีก สัตว์ป่า และในคน โดยขณะนี้ห้องปฏิบัติการ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
และกรมปศุสัตว์ของไทย สามารถตรวจยืนยัน เชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช 7 เอ็น 9 ได้
นอกจากนี้ นายแพทย์ณรงค์ได้กำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่ง เฝ้าระวังโรคในกลุ่มเป้าหมายหลัก 4 กลุ่ม ได้แก่
1. ผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจรุนแรง
2. ผู้ที่เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดและมีอาการโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ 3. ผู้ป่วยปอดอักเสบที่พบ
ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่ป่วยในเวลาไล่เลี่ยกัน และ
4. บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขหรือเจ้าหน้าที่ทางห้องปฏิบัติการที่ป่วยเป็นปอดอักเสบ
หากพบผู้ป่วยดังกล่าวให้แจ้งหน่วยงานสาธารณสุข เพื่อสอบสวนโรคและเก็บตัวอย่างส่งตรวจทุกราย ส่วนใน
สัตว์ปีกให้อาสาสมัครสาธารณสุขร่วมกับปศุสัตว์จังหวัด กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชในพื้นที่ เฝ้าระวังการ
ป่วยตายผิดปกติ สำหรับสัตว์ปีกที่เลี้ยงตามบ้านเรือน และในธรรมชาติ หากพบสงสัยโรคไข้หวัดนกให้เก็บตัวอย่างส่ง
ตรวจทางห้องปฏิบัติการทันทีและแจ้งหน่วยงานสาธารณสุข
ด้านนายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า อาการของสัตว์ปีกที่ติดเชื้อและป่วยจากไข้
หวัดนก ได้แก่ ซูบผอม ซึม ไม่กินอาหาร ขนยุ่ง ขนร่วง ปริมาณไข่ลดลง หน้าบวม หงอนและเหนียงบวม มีสีคล้ำ
ท้องเสีย หากพบสัตว์มีอาการดังกล่าว ให้สงสัยอาจติดเชื้อไข้หวัดนก ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อสม.หรือผู้นำชุมชน
เพื่อควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็วที่สุด และขอความร่วมมือประชาชนทุกคนห้ามนำสัตว์ปีกที่ตายแล้วหรือกำลังป่วยสงสัย
ป่วยด้วยโรคไข้หวัดนกมาชำแหละเพื่อจำหน่ายหรือรับประทานเนื่องจากเสี่ยงติดเชื้อจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง หาก
จำเป็นต้องสัมผัสสัตว์ปีกให้สวมถุงมือหรือถุงพลาสติกและ ล้างมือฟอกสบู่ทุกครั้งหลังจากสัมผัสสัตว์ปีกรวมไปถึง
ประชาชนที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ปีก และไม่สัมผัสคลุกคลีกับผู้ที่สงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่
และหากมีอาการคล้ายโรคไข้หวัดใหญ่ เช่นมีไข้ไอ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีกหรือผู้ป่วยปอดบวม
ไอจามให้ปิดปากปิดจมูก สวมหน้ากากป้องกันโรคเพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย และรีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติ
การสัมผัสโรคหรือแจ้งประวัติ การเดินทางหรือโทรปรึกษา หมายเลข1422 สายด่วนของกรมควบคุมโรคตลอด 24ชั่วโมง
ที่มา: เว็บไซต์ไทยรัฐ
http://www.thaihealth.or.th/healthcontent/news/38464