สกิมเมอร์ระบาด...ผู้บริโภคพึงระวังการใช้ตู้เอทีเอ็ม (ATM)

            ปัจจุบันการก่ออาชญากรรมโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เป็นภัยต่อสังคม

อย่างมากทําให้เกิดความเสียหายด้านทรัพย์สินต่อประชาชน ล่าสุดมีข่าวการคัดลอกข้อมูล

อิเล็กทรอนิกส์จากบัตรเอทีเอ็มโดยมิจฉาชีพจะทําการติดตั้งเครื่องสกิมเมอร์ไว้ที่ตู้เอทีเอ็ม

เครื่องสกิมเมอร์ (skimmer) คือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เล็กๆ ที่มิจฉาชีพประดิษฐ์ขึ้น

โดยนําเครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก วงจรถอดรหัส และวงจรหน่วยความจํามาประกอบเข้าด้วยกัน

และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่จึงสามารถพกพาได้สะดวก

         ดังนั้น เมื่อผู้บริโภคนําบัตรเครดิตหรือ บัตรเอทีเอ็มมาใช้กับตู้เอทีเอ็มเครื่องสกิมเมอร์จะทําหน้าที่อ่านข้อมูล

จากแถบแม่เหล็กและนําไปเก็บไว้ ในหน่วยความจํา จากนั้นเหล่ามิจฉาชีพก็จะนําไปสร้างบัตรปลอมซึ่งมี

อยู่ ๒รูปแบบ ได้แก่ แบบที่ ๑ เรียกว่า “บัตรสี” เป็นบัตรเครดิตปลอมที่มีสี มีลวดลาย และมีตัวพิมพ์นูนเหมือน

บัตรจริงทุกอย่าง รวมทั้งมีข้อมูลในแถบแม่เหล็กอย่างถูกต้อง

        บัตรแบบนี้สามารถนําไปใช้ได้กับตู้เอทีเอ็มทุกแห่งเช่นเดียวกับบัตรจริง และแบบที่ ๒ เรียกว่า “บัตรขาว” เป็น

บัตรพลาสติก สีขาวมีเพียงแถบแม่เหล็กเก็บข้อมูล สามารถนําไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มหรือนําไปใช้รูดเงินกับ

ร้านค้าได้นอกจากนี้มิจฉาชีพ บางรายอาจจะนําข้อมูลไปขายในอินเทอร์เน็ตด้วยดังนั้น ผู้บริโภคจึงจําเป็นต้อง

ระมัดระวังในการใช้ตู้เอทีเอ็มเพิ่มมากขึ้น โดยสามารถสังเกตตู้เอทีเอ็มก่อนใช้งานได้ดังนี้

๑. ตรวจดูสิ่งผิดปกติรอบตู้เอทีเอ็มก่อนใช้งาน เช่น การติดตั้งกล้องตัวเล็กไว้ที่กล่องใส่ใบปลิว

๒. ตรวจสอบบริเวณที่สอดบัตร หรือตรงแป้นกดตัวเลขว่ามีอุปกรณ์แปลกปลอมติดอยู่หรือไม่ หากสังเกตเห็นอุปกรณ์

แปลกปลอม ให้รีบแจ้งให้ธนาคารทราบทันที

๓. หากตู้เอทีเอ็มเกิดขัดข้องและบัตรติดอยู่ในตู้ ให้รีบแจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัตรทันที

๔. หากสอดบัตรไปในตู้เอทีเอ็มแล้วไม่มีไฟกะพริบที่ช่อง ควรเปลี่ยนไปใช้ตู้อื่น เพราะอาจมีการติดตั้งเครื่อง

สกิมเมอร์ไว้ดูดข้อมูล

๕. ตรวจสอบบริเวณตู้เอทีเอ็มที่จะเข้าไปใช้ว่ามีบุคคลต้องสงสัยอยู่หรือไม่ หากพบให้เปลี่ยนไปใช้เครื่องอื่น

๖. ใช้มือบังแป้นกดรหัสส่วนตัวขณะทํารายการที่ตู้เอทีเอ็ม และควรยืนประชิดกับตู้

๗. ควรเลือกใช้ตู้เอทีเอ็มที่ตั้งอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัย และมีคนพลุกพล่านตั้งอยู่ในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ

๘. หากพบความผิดปกติของตู้เอทีเอ็ม ให้กดปุ่ม "ยกเลิก" เพื่อยุติการทําธุรกรรมทันที แล้วเปลี่ยนไปใช้ตู้อื่น

๙. เก็บสลิปข้อมูลการใช้บัตรเอทีเอ็มทุกครั้ง เพื่อไว้ใช้เป็นหลักฐาน

๑๐. หลีกเลี่ยงการใช้รหัสบัตรเอทีเอ็มที่เดาได้ง่าย เช่น เลขตอง เลขสวย เลขที่เรียงกัน เลขวันเกิด เลขทะเบียนรถ

อายุ ควรตั้งรหัสให้เดาได้ยาก โดยทั้ง ๔หลัก ไม่ควรจะเป็นเลขซ้ํากัน เพื่อให้การสุ่มหมายเลขรหัสบัตรทําได้ยากขึ้น

๑๑. ควรจํากัดวงเงินการถอนในแต่ละวันไว้ โดยแจ้งไปยังธนาคาร เพื่อป้องกันมิจฉาชีพนําบัตรหรือรหัสไปใช้ 

        นอกจากนี้ ในต่างประเทศ ยังพบว่ามีอุปกรณ์เพื่อดักจับหรือคัดลอกข้อมูลคล้ายกับเครื่องสกิมเมอร์ แต่จะมีการติดตั้ง

ไว้บนสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรูปแบบที่เป็นโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า "พินสกิมเมอร์"มีวัตถุประสงค์เพื่อลักลอบ

และดักเก็บข้อมูลที่มีค่า ตั้งแต่รหัสเพื่อเข้าถึงบัญชีส่วนตัวต่างๆ เรื่อยไปจนถึงรหัสตัวเลข ๔ตัว หรือ ๘ตัว สําหรับเข้าถึง

บัญชีธนาคาร หรือ บัตรเครดิตต่างๆโดยใช้สมาร์ทโฟนที่ติดตั้งซอฟต์แวร์ดังกล่าวแล้วโทรศัพท์เข้าไปหาเบอร์เป้าหมาย

หลังจากนั้นก็สามารถใช้ข้อมูลของเบอร์เป้าหมายได้

ที่มา : กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์  สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค โทรศัพท์ ๐๒ ๑๔๓ ๓๔๖๘

http://www.ocpb.go.th/download/department