สธ. แจงรายละเอียดยิบเด็กติดโควิดดูแลอย่างไร ยันรักษาตัวที่บ้านได้

นายแพทย์ธีรชัย บุญยะลีพรรณ รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอนามัยเด็กแห่งชาติ กรมอนามัย กล่าวว่า กรณีเด็กและผู้ปกครองติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกัน จะให้ทำการรักษาเป็นครอบครัว แต่หากในกรณีเด็กติดเชื้อฝ่ายเดียว จะให้ผู้ปกครองไปดูแลด้วย แต่ผู้ปกครองต้องเรียนรู้การติดเชื้อ ส่วนกรณีที่ 3 พ่อแม่ติดเชื้อแต่เด็กไม่ติดเชื้อ ถ้ามีญาติจะให้ญาตินำเด็กไปดูแล แต่ถ้าไม่มีจะให้เด็กไปอยู่ในบ้านพักฉุกเฉินของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จนกว่าจะมีญาติมารับ

ขณะที่อาการที่พบในเด็กมากที่สุด คือ เรื่องไข้ ไอ เจ็บคอ แต่จมูกไม่ได้กลิ่นจะเป็นเด็กโต โดยอาการของเด็กแบ่งได้เป็น 2 ระดับ คือ ไข้ต่ำ มีน้ำมูก ไอเล็กน้อย ยังทานอาหารได้ ส่วนอาการแบบที่ 2 คือ เด็กมีไข้สูงกว่า 39 องศา หายใจแรง ปากเขียว ระดับออกซิเจนปลายนิ้วน้อยกว่า 94% ซึมลง เช่นเล่นน้อยลง ไม่ดูดนม และไม่กินอาหาร ควรไปพบแพทย์ ส่วนพ่อแม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือ และหลีกเลี่ยงการใช้ของร่วมกับเด็กที่ติดเชื้อ

นายแพทย์ธีรชัย ยังกล่าวถึงคำแนะนำในการดูแลเด็ก คือ ถ้ามีไข้ ควรกินยาลดไข้ และเช็ดตัวได้บ่อยตามต้องการเพื่อลดไข้ ถ้ามีอาการไอ มีน้ำมูกให้ทานยาและดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีถ่ายเหลว ให้ดื่มน้ำเกลือแร่บ่อยๆ การแยกกักตัวที่บ้าน สำหรับเด็ก ควรเว้นระยะห่าง แยกนอนกับพ่อแม่ อย่าเปิดแอร์ แยกของใช้ ส่วนการดูแลยังเหมือนการดูแลเด็กตามปกติ แต่พยายามอย่าเลี้ยงด้วยมือถือหรือแท็บเล็ต โดยยืนยันว่าเด็กยังสามารถรักษาแบบ Home Isolation ได้ แต่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ

นายแพทย์ธีรชัย ยังตอบคำถามกรณีพบเด็กติดเชื้อในศูนย์เด็กเล็กเพิ่มมากขึ้น ว่า หากศูนย์ใดพบการติดเชื้อให้แจ้งไปยังคณะกรรมการสอบสวนโรคนั้น เพื่อปิดศูนย์ทำความสะอาด จากนั้นจะเข้ามาสอบสวนโรค ว่ากลุ่มใดเสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำ หากจัดการได้จะสามารถเข้ามาอยู่ในศูนย์เด็กเล็กได้ตามปกติ
แต่ในกรณีที่เด็กทำ Home Isolation ไม่ได้ ก็จะเป็นการดูแลในระบบ Community Isolation โดยผู้ปกครองเข้าไปดูแลได้ แต่ต้องเข้มงวดในการดูแลตัวเอง ส่วนเด็กที่รอแอดมินและรอเตียง อย่าให้ไข้สูง โดยเน้นการเช็ดตัวกันเด็กช็อก มากกว่าทานยาพารา ขณะที่การตรวจ ATK ในเด็กต่ำกว่า 5 ขวบ สามารถตรวจได้ แต่ไม่แนะนำให้แหย่จมูกลึก แค่เพียง 2 เซนติเมตรก็เพียงพอ