http://www.consumerprotection.or.th
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 สิทธิและหน้าที่ของผู้บริโภค  เกี่ยวกับสมาคม  ผลการดำเนินงาน  สมัครสมาชิก  ติดต่อเรา
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   
การโฆษณาผลิตภัณฑ์สุขภาพทางสื่อออนไลน์
การใช้ยาอย่างสมเหตุผล
สาระน่ารู้เกี่ยวกับผู้บริโภค
ด้านผลิตภัณฑ์สุขภาพ
ด้านบริการทางการแพทย์
ด้านอสังหาริมทรัพย์
ด้านอื่น ๆ
บทความ
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง




 

เตรียมพร้อม Sandbox Safety Zone in school วางมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่ครู นักเรียน

เตรียมพร้อม Sandbox Safety Zone in school วางมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่ครู นักเรียน

กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมกับ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนการสอนแบบ On Site หรือการจัดการเรียนการสอนที่โรงเรียนรูปแบบปกติ ในโครงการ "โรงเรียน Sandbox Safety Zone in School" (SSS) เพื่อเป็นการช่วยวางมาตรการด้านความปลอดภัยให้แก่นักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียน

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โครงการดังกล่าวเป็นมาตรการเปิดเรียนมั่นใจปลอดภัยไร้โควิด-19 ในโรงเรียนประจำ เช่น โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ และโรงเรียนเอกชนบางแห่งที่มีความพร้อม ซึ่ง ศธ. จะประสานงานกับ สธ. เพื่อเดินหน้าทำโครงการนี้ไปพร้อมกัน เพราะจะต้องมีการลงพื้นที่ตรวจโรงเรียนที่จะประสงค์เข้าโครงการว่าเป็นไปตามมาตรการที่เราได้วางไว้หรือไม่ ทั้งนี้เมื่อครูและบุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบหมดทุกคนแล้วก็จะนำไปสู่การเปิดเรียนในรูปแบบไฮบริด คือการเปิดเรียนที่มีทั้งนักเรียนอยู่ประจำและออนไลน์ แต่ทุกอย่างจะยึดมาตรการความปลอดภัยด้านสุขภาพของนักเรียนเป็นหลัก

ขณะที่ ดร.เกศทิพย์ ศุภวานิช ผู้ตรวจราชการ ศธ.ในฐานะโฆษก ศธ.ฉายภาพโครงการให้เห็นว่า ตนได้รับมอบหมายจาก รมว.ศธ.และดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดศธ.ให้รับผิดชอบดำเนินโครงการดังกล่าวร่วมกับ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และ นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ซึ่งการเป็นโรงเรียน Sandbox Safety Zone in School จะมีเงื่อนไข 3 ข้อ คือ 1.โรงเรียนประจำ 2.เป็นไปตามความสมัครใจของทุกฝ่าย และ 3.ผ่านการประเมินความพร้อม ซึ่งมีแนวปฏิบัติตามมาตรการดังนี้

รร.ประจำ ที่มีความพร้อมเข้าร่วมโครงการแจ้งความประสงค์ผ่านต้นสังกัด มีการหารือร่วมกับผู้ปกครองและผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อของจังหวัด จัดให้มีสถานแยกตัวในโรงเรียน (School Isolation) จัดให้มี Safety Zone ในโรงเรียน มีการติดตามประเมินผลโดยทีมตรวจราชการของ ศธ. และสธ. และ รร.รายงานตามแบบรายงานติดตามผลผ่าน MOECOVID และ Thai Stop Covid Plus ขณะที่นักเรียน ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จะมาเรียนแบบ Onsite จะต้องตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ก่อนเข้าโรงเรียน จากนั้นนักเรียนสามารถทำกิจกรรมร่วมกันแบบ Bubble & Seal นักเรียนและครูประเมินความเสี่ยงตัวเองด้วยระบบ 'ไทยเซฟไทย" เป็นประจำ และนักเรียนจะต้องปฏิบัติตามมาตรการสุขภาพส่วนบุคคลอย่างเข้มข้น เช่น วัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือ สวมใส่หน้ากากตลอดเวลา เว้นระยะห่าง เป็นต้น ครูและบุคลากรในโรงเรียนฉีดวัคซีนครอบคลุมมากกว่า 85%

สำหรับโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ SSS ขณะนี้มีจำนวนทั้งหมด 68 แห่ง ประกอบด้วย รร.สังกัดสำนักบริหารการศึกษาพิเศษ 20 แห่ง รร.สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) 3 แห่ง รร.สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 1 แห่ง และ รร.สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) แบ่งเป็น รร.นานาชาติเอกชน 14 แห่ง รร.เอกชนนักเรียนไทย 12 แห่ง รวม 44 แห่ง

อย่างไรก็ตาม การดำเนินการโครงการดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติให้โรงเรียนที่มีความพร้อมมีการจำกัดคนเข้าออก และสามารถดำเนินการตามมาตรการของ สธ. และศธ.อย่างเคร่งครัด โดยต้องผ่านการอนุมัติจาก ศธ. ก่อน

ทั้งนี้ มีตัวอย่างของโรงเรียนบรมราชินีนาถราชวิทยาลัย จ.ราชบุรี ที่เข้าโครงการ SSS พบว่า ยังไม่มีการติดเชื้อที่เป็นคลัสเตอร์ระบาดใหม่แต่อย่างใด โดยโรงเรียนแห่งนี้มีครูและบุคลากร 100 คน นักเรียน 490 คน แบ่งหอนอนระหว่างนักเรียนชายและหญิง แต่ละหอนอนมีห้อง Study สำหรับการกักตัวนักเรียนกรณีมีนักเรียนเจ็บป่วย และเรือนพยาบาลรองรับได้ 40 คน แม่ครัวจำกัดให้อยู่แต่บริเวณโรงอาหารเท่านั้น คนงานและลูกจ้างให้ปฏิบัติงานภาคสนามห้ามใกล้ชิดกับนักเรียนและอาคารพักนอน รวมถึงผู้ปกครองไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเยี่ยมนักเรียนอย่างเด็ดขาด นอกจากนี้โรงเรียนมีแผนเผชิญเหตุ คือ อาคารที่พักครู หอพักนักเรียน สามารถใช้เป็นโรงพยาบาลสนาม โดยมีสาธารณสุขอำเภอ โรงพยาบาลสุขภาพประจำตำบลคอยสนับสนุนให้ความช่วยเหลือ

ดร.เกศทิพย์ บอกว่า สิ่งสำคัญของโครงการ SSS จะต้องปฏิบัติตามมาตรการและเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เรากำหนดไว้อย่างเคร่งครัด อีกทั้งรมว.ศึกษาธิการเองยังได้ย้ำว่า เราต้องคำนึงถึงมาตรการความปลอดภัยของนักเรียน ไม่ควรยึดติดกับตัวเลขว่าจะต้องเปิดเรียนได้แล้วกี่แห่ง แต่จะต้องมุ่งเป้าเรื่องคุณภาพความปลอดภัย อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม ในอนาคต ศธ. จะเสนอให้มีชุมชนและอำเภอ Bubble & Seal ในพื้นที่ที่ไม่มียอดผู้ติดเชื้อแล้ว เพื่อวางแผนให้นักเรียนมาเรียนได้ตามปกติสามารถไปกลับได้

https://www.thaihealth.or.th/Content/55260

Tags :

 
Menu
หน้าแรก
เครือข่ายผู้บริโภค
ศูนย์ราชการสะดวก
สื่อวิทยุสมาคม
ข่าวสาร
สรุปกิจกรรม 2566
สรุปกิจกรรม 2565
สรุปกิจกรรม 2564
สรุปกิจกรรม 2563
สรุปกิจกรรม 2561
สรุปกิจกรรม 2560
สรุปกิจกรรม 2559
สรุปกิจกรรม 2558
สรุปกิจกรรม 2557
สรุปกิจกรรม 2556
สรุปกิจกรรม 2555
สรุปกิจกรรม 2554
สรุปกิจกรรม 2553
สรุปกิจกรรม 2562
การร้องเรียน
ติดต่อเรา
แผนผังเว็บไซต์
สถิติเรื่องร้องเรียน
สมัครสมาชิก
เว็บบอร์ด
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 09/12/2010
ปรับปรุง 17/04/2024
สถิติผู้เข้าชม1,740,394
Page Views2,005,501
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
view