ข่าวประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๖/๒๕๖๔ วันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔
**ข่าว คคบ. ๖/๒๕๖๔**ประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๖/๒๕๖๔
วันอังคารที่ ๒๗กรกฎาคม๒๕๖๔ เวลา ๑๔.๐๐ น. รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นประธานการประชุมคคบ. ครั้งที่ ๖/๒๕๖๔
ณ ห้องประชุม ๓๐๑ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาลโดยเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
มีประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ การพิจารณาและมีมติให้ดำเนินคดีกับผู้ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเภทห้องชุดคอนโดมิเนียม จำนวน ๔ เรื่อง และธุรกิจด้านสินค้าและบริการทั่วไป
(ซื้อคอร์สเสริมความงามแต่ปิดกิจการไม่สามารถใช้บริการได้ ซื้อคอร์สเสริมความงามแต่บริษัทฯ รูดบัตรเครดิตเกิน ธุรกิจให้จองห้องพัก สมัครสมาชิกฟิตเนส รับซ่อมรถยนต์ สมัครเรียนคอร์สสักลาย) จำนวน ๖ เรื่อง ดังนี้
***ดำเนินคดีด้านอสังหาริมทรัพย์ รวมจำนวน ๔ เรื่อง
๑. ดำเนินคดีแพ่ง กรณีผู้บริโภคทำสัญญาเช่าห้องพักแห่งหนึ่งในจังหวัดน่าน ต่อมาถูกบอกเลิกสัญญาเช่าจากผู้ให้เช่าว่าผู้บริโภคไม่ปฏิบัติตามที่ผู้ให้เช่ากำหนดพร้อมกับเรียกเก็บค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ได้แก่ ค่าไฟฟ้าเกินกว่าอัตราที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดน่านเรียกเก็บ ค่าทำความสะอาด ซึ่งผู้บริโภคเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาร้องเรียนต่อ สคบ. กรณีเรื่องร้องทุกข์ดังกล่าว ซึ่งคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคประจำจังหวัดน่านมีมติยุติเรื่องและมีหนังสือแจ้งผู้บริโภคทราบ ต่อมาผู้บริโภคได้ยื่นหนังสือเพื่อให้ทบทวนมติการประชุมคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เนื่องจากธุรกิจของกิจการยังเปิดให้บริการและมีผู้เข้าใช้บริการอยู่ คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ผู้ให้เช่าได้ดำเนินการกิจการ ซึ่งมีลักษณะให้บริการการเช่าที่พักอาศัยแก่บุคคลทั่วไป ย่อมต้องมีเงื่อนไขในข้อสัญญาที่ใช้กับผู้เช่ารายอื่นและอาจมีบุคคลอื่นที่อาจได้รับความเสียหายในทำนองเดียวกันกับผู้บริโภค ดังนั้น การดำเนินคดีกับผู้ให้เช่าจึงถือได้ว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยส่วนรวม ผู้บริโภคจึงมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ให้เช่า มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืน เงินจำนวน ๑๙,๐๕๔ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๒. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญารับโอนสิทธิจะซื้อจะขายกรรมสิทธิ์ห้องชุดและได้ชำระเงินให้กับบริษัทฯ ครบถ้วนตามสัญญา ต่อมาบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งว่าไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างอาคารชุดต่อไปได้ ผู้บริโภคจึงมีความประสงค์ให้บริษัทฯ คืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมด จากการเจรจาไกล่เกลี่ยและทำบันทึกข้อตกลงคืนเงินบางส่วน จำนวน ๗๒๙,๐๐๐ บาท ให้กับผู้บริโภคภายในระยะเวลา ๒ ปีนับตั้งแต่ทำบันทึกข้อตกลง แต่บริษัทฯ ไม่ได้ปฏิบัติตาม ซึ่งกรณีดังกล่าว บริษัทฯ เป็นฝ่ายผิดบันทึกข้อตกลงจึงเป็นการละเมิดสิทธิของผู้บริโภคมติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัทเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๗๒๙,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๓. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดโดยบริษัทฯ มีการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตเว็บไซต์ ด้วยข้อความว่า “สัมผัสความ Prime ทุกองศา กับห้องพักอาศัยเพดานสูง 3 M. และพื้นที่ส่วนกลางเพดานสูง 6 M.” และหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดระบุห้องชุดมีความสูง ๓.๐๐ เมตร เมื่อผู้บริโภคได้จ้างวิศวกรเข้าตรวจสอบพบว่า“พื้นเพดานความสูงมีบางส่วนต่ำกว่าที่ระบุในเอกสารอ้างอิงประมาณ ๒๐ เซนติเมตร” ผู้บริโภคจึงมีความประสงค์ยกเลิกสัญญาและขอเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคืนพร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย การโฆษณาถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงข้อความหรือภาพที่โฆษณาของบริษัทฯ ถือเป็นส่วนหนึ่งของสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญาซื้อขายห้องชุดตามพระราชบัญญัติอาคารชุดเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ผู้บริโภคได้แจ้งให้แก้ไขแล้ว แต่บริษัทฯไม่ได้ดำเนินการ และบริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด จึงถือว่าบริษัทฯ ยังไม่ได้ก่อสร้างอาคารและห้องชุดให้ถูกต้องครบถ้วนตามสัญญาบริษัทจึงไม่สามารถบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อผู้บริโภคมีหนังสือขอบอกเลิกสัญญาและขอคืนเงินที่ชำระไปทั้งหมด แต่บริษัทฯ ไม่คืนเงินจึงเป็นการละเมิดสิทธิผู้บริโภค มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๓๕๐,๒๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๔. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้ทำสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด ในราคา ๓,๔๓๕,๕๐๐ บาท โดยกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ภายในปี ๒๕๖๐ผู้บริโภคได้ชำระเงินไปแล้ว จำนวน๖๔๐,๒๕๔ บาท ต่อมาบริษัทก่อสร้างห้องชุดไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด ผู้บริโภคจึงได้ร้องทุกข์ต่อ สคบ. เพื่อขอให้บริษัทฯ คืนเงินทั้งหมด จากการไกล่เกลี่ยเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้บริโภคบริษัทฯ ตกลงคืนเงินให้แก่ ผู้บริโภคทั้งหมด โดยกำหนดผ่อนชำระเป็นงวดๆ ไม่น้อยกว่า ๖๔,๐๒๕.๔๐ บาท ภายใน ๑๐ งวด
โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ซึ่งบริษัทฯ ไม่ได้ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่ง เพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๖๔๐,๒๕๔บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
***ด้านสินค้าและบริการ จำนวน ๖ เรื่อง
๑. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคซื้อคอร์สบริการเสริมความจำนวน ๒ คอร์ส และเข้าใช้บริการแล้วบางส่วนต่อมาบริษัทฯ ได้ปิดกิจการจึงประสงค์ให้บริษัทฯ คืนเงินในส่วนที่ยังไม่ได้ใช้บริการคณะอนุกรรมฯ ด้านโฆษณาและบริการ ได้พิจารณาข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่าการที่บริษัทฯ ปิดกิจการทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถใช้บริการได้ บริษัทฯ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา มติที่ประชุมดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๔,๘๕๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๒. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคซื้อคอร์สบริการเสริมความ และชำระเงินผ่านบัตรเครดิตปรากฏว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการรูดบัตรเครดิตของผู้บริโภคเกินจำนวนเงิน เป็นเงิน ๓๐๐,๐๐๐ บาทผู้บริโภค จึงมีความประสงค์ขอเงินคืนและพนักงานขายได้ขอให้ผู้บริโภคช่วยซื้อคอร์สเพิ่มเติม โดยแจ้งว่าจะทำการคืนเงินภายใน ๑๕ วัน แต่ปัจจุบันผู้บริโภคได้รับการคืนเงินคืน จำนวน ๑๓๙,๐๐๐บาท จึงเหลือเงินที่ยังค้าง อีกจำนวน ๑๖๖,๐๐๐ บาท มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๑๖๖,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๓. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคจำนวน ๒ ราย ได้จองที่พักต่อมาที่พักได้มีการปิดปรับปรุง ผู้บริโภคจึงมีความประสงค์ขอคืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคณะอนุกรรมการฯ ด้านโฆษณาและบริการ ได้พิจารณาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้วเห็นว่าบริษัทฯ ผิดสัญญาและละเมิดสิทธิของผู้บริโภคซึ่งไม่สามารถให้บริการได้ตามที่สัญญาและไม่คืนเงินแก่ผู้บริโภคมติที่ประชุมดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคจำนวน ๒ ราย รวมเป็นเงินจำนวน ๑๔,๑๔๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๔. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคได้สมัครสมาชิกฟิตเนส ราคา ๑๔,๕๐๐ บาท อายุสมาชิก ๑ ปี ประเภทไม่มีกำหนดระยะเวลาเริ่มใช้บริการ ต่อมาเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์๒๕๖๔ บริษัทฯ ประกาศ ปิดกิจการ จึงมีความประสงค์ขอคืนเงินที่ชำระไปแล้วทั้งหมดคืน คณะอนุกรรมการฯ ด้านโฆษณาและบริการ ได้พิจารณาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ แล้วเห็นว่าบริษัทฯ ได้รับเงินไว้ครบถ้วนจึงมีหน้าที่ให้บริการแต่เมื่อบริษัทฯ ปิดกิจการ ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและละเมิดสิทธิผู้บริโภคมติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๑๔,๕๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย
๕. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคนำรถยนต์เข้าใช้บริการซ่อมแซมตัวถังและเครื่องยนต์กับห้างฯ โดยตกลงราคาค่าซ่อมแซมรถยนต์เป็นจำนวนเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท โดยกำหนดระยะเวลาในการซ่อม ๖ เดือน ซึ่งผู้บริโภคได้ชำระเงินให้แก่ห้างฯไปแล้วทั้งสิ้น ๑๖๐,๐๐๐๐ บาทปัจจุบันยังซ่อมแซมรถยนต์ไม่แล้วเสร็จ ต่อมาทั้งสองฝ่ายได้ทำบันทึกข้อตกลงโดยห้างฯจะส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้บริโภคภายในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งห้างฯ ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้บริโภคได้โดยตกลงจะคืนเงินจำนวน ๑๖๐,๐๐๐ บาท ภายหลังจากการทำบันทึกข้อตกลงดังกล่าว ทางห้างฯ ได้ติดต่อไปยังผู้บริโภคเพื่อให้ซื้อเครื่องยนต์ใหม่พร้อมกล่องควบคุมของรถยนต์ในราคา๗๐,๐๐๐ บาท ซึ่งผู้บริโภคได้ชำระเงินเพิ่มเติมเป็นเงินจำนวน ๕๐,๐๐๐ บาท ปรากฏว่าห้างฯ ไม่สามารถซ่อมรถยนต์คันดังกล่าวได้ และไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ให้แก่ผู้บริโภคได้มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค เป็นเงินจำนวน ๒๑๐,๐๐๐ บาท และให้ส่งมอบรถยนต์คันพิพาทคืนให้แก่ผู้บริโภคหากคืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคารถยนต์แทนเป็นเงินจำนวน ๒๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย ๖. ดำเนินคดีแพ่งกรณีผู้บริโภคจำนวน ๒ ราย โดยรายแรกได้สมัครเรียนคอร์สสักลาย กับโรงเรียนสอนสักลายโดยชำระค่าเรียน จำนวน ๖๕,๐๐๐ บาท ปรากฏว่าเมื่อผู้บริโภคไปเรียนทางโรงเรียนไม่สามารถสอนได้ตามที่โฆษณาไว้ อีกทั้ง โรงเรียนได้มีการโฆษณาว่ามีใบประกาศเป็นที่ยอมรับในระดับสากล แต่ปรากฏว่าไม่ได้มีการจดทะเบียนใดๆ ต่อมาโรงเรียนได้ตกลงกับผู้บริโภคว่าจะคืนเงินให้ แต่เมื่อถึงกำหนด โรงเรียนไม่คืนเงินให้แก่ผู้บริโภครายที่สองได้สมัครคอร์สเรียนสักลายตัวต่อตัวตลอดชีพเป็นเงิน จำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้บริโภคได้เข้าเรียน แล้วพบว่าคุณภาพไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ โดยให้นักเรียนสอนกันเองไม่มีครูหรือบุคลากรรองรับการเรียนการสอน และแจ้งผู้บริโภคว่าเมื่อจบการศึกษา ทางสถาบัน จะมีใบประกาศที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใบรับรองประกอบอาชีพให้ซึ่งโรงเรียน ไม่สามารถออกให้แก่ผู้บริโภคได้มติที่ประชุม ดำเนินคดีแพ่งเพื่อบังคับให้คืนเงินให้กับผู้บริโภค รายแรก เป็นเงินจำนวน ๖๕,๐๐๐บาทและรายที่สอง เป็นเงินจำนวน ๑๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมายให้แก่ผู้บริโภคทั้งสอง