เชื้อดื้อยา CRE ในเด็ก ภัยที่ไม่ควรมองข้าม
เชื้อดื้อยา หรือเชื้อแบคทีเรียดื้อยา มีสาเหตุสำคัญจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกวิธี เช่นเดียวกับการเกิดเชื้อดื้อยา CRE ในเด็ก ซึ่งสามารถอาศัยอยู่ในลำไส้ได้นาน 6-9 เดือน ทำให้สามารถก่อโรคไปยังระบบอื่นของร่างกายได้
นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เชื้อดื้อยา CRE(Carbapenem-Resistant-Enterobacteriaceae) เป็น "เชื้อแบคทีเรีย" กลุ่ม Enterobacteriaceae (แบคทีเรียแกรมลบทรงแท่งที่พบในลำไส้) ที่ดื้อต่อยากลุ่ม Carbapenem ซึ่งเป็นยาหลักที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ โดยเชื้อที่พบบ่อย ได้แก่ Klebsiella pneumoniae, Escherichia Coli และ Enterobacter spp
รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า เชื้อดื้อยา หรือเชื้อแบคทีเรียดื้อยา มีสาเหตุสำคัญจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างไม่ถูกวิธี ส่งผลให้เชื้อแบคทีเรียมีการปรับตัวและพัฒนาการดื้อยา จนไม่สามารถใช้ยาปฏิชีวนะที่มีอยู่เดิม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพ้ยาและอาจเกิดผลข้างเคียงรุนแรงได้ รวมทั้งยังส่งผลให้ผู้ป่วยนอนโรงพยาบาลนานยิ่งขึ้น ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเพิ่มสูงขึ้น หรือกรณีรุนแรงที่สุด คือ ไม่มียาปฏิชีวนะใดที่สามารถรักษาผู้ป่วยได้
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเสริมว่า เชื้อดื้อยา CRE สามารถอาศัยอยู่ในลำไส้ได้นาน 6-9 เดือน ทำให้สามารถก่อโรคไปยังระบบอื่นของร่างกาย และแพร่เชื้อไปยังบุคคลอื่นได้ โดยมักพบการดื้อยา เมื่อร่างกายของคนเรามีความอ่อนแอ หรือได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับการป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยา CRE ในเด็ก คือ ดูแลบุตรหลานให้ได้รับยาปฏิชีวนะตามแพทย์สั่ง โดยไม่ซื้อยาปฏิชีวนะมารับประทานเอง เพื่อป้องกันการเกิดแบคทีเรียดื้อยา
นอกจากนี้เชื้อดื้อยา CRE สามารถแพร่กระจายเชื้อโดยการสัมผัส ผู้ดูแลผู้ป่วย ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ ญาติ จึงควรหมั่นล้างมืออย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน และควบคุมการแพร่กระจายเชื้อดื้อยา CRE เมื่อพบอุบัติการณ์การในโรงพยาบาล
https://www.thaihealth.or.th/Content/54886